สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 83,624 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 74,661 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 89% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,004 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี (LB133A LB15DA และLB176A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 3,032 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,847 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW194A) หุ้นกู้บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ16OA) และหุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF14NA) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,214 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 27,092 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มกองทุนที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 3,331 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 4,044 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในตราสารระยะสั้นช่วงอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือโดยเฉลียแล้วปรับตัวลดลงประมาณ —1 ถึง -2 Basis Point ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้การซื้อขายส่วนใหญ่ (89%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งผลการประมูลพันธบัตรธปท. มีอุปสงค์ (Demand) ค่อนข้างมากโดยเฉพาะรุ่นอายุ 6 เดือน โดยการประชุมกนง. ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.07% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันก่อนหน้า และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.12%