ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกหนี้ยุโรป ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 33.07 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 25, 2012 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากรมว.คลังยูโรโซนได้ปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าหนี้เอกชนในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 33.07 จุด หรือ 0.26% แตะที่ 12,675.75 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.35 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 1,314.65 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 2.47 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 2,786.64 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวัน หลังจากมีรายงานว่า รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศยูโรโซนปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าหนี้ภาคเอกชน ที่ต้องการอัตราผลตอบแทน 4% สำหรับพันธบัตรระยะยาวที่มีการออกใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับพันธบัตรชุดปัจจุบันของกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการปรับโครงสร้างหนี้

ขณะที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินเอกชน เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนที่ 4.0% ถือเป็นระดับต่ำสุดที่พวกเขาสามารถยอมรับได้ ถ้าหากจะมีการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีของพันธบัตรที่พวกเขาถือครองอยู่ลง 50%โดยนายชาร์ลส์ ดัลลารา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ IIF เตือนว่าเสถียรภาพการเงินของยุโรปจะตกอยู่ในความเสี่ยง หากข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้กรีซล้มเหลว

การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซมีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเลขหนี้สินของกรีซลดลงราว 1.00 แสนล้านยูโร ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินปรับตัวดลลงจากระดับ 160% ของจีดีพี มาอยู่ที่ระดับ 120% ของจีดีพี ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับที่เจ้าหน้าที่ของอียูและไอเอ็มเอฟมองว่าจะสามารถทำให้กรีซบริหารจัดการได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ยังคงยืดเยื้อ เนื่องจากยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องอัตราผลตอบแทน

ดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนและความวิตกกังวลในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 19 จุด

หุ้นดูปองท์ปิดทรงตัว หลังจากบริษัท ดูปองท์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่เปิดเผยว่า รายได้สุทธิในไตรมาส 4 ปรับตัวลดลง หลังจากยอดขายชะลอตัวลงและต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นเพียบอดี้ เอนเนอร์จี คอร์ป ร่วงลง 2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

หุ้นแมคโดนัล ร่วงลงกว่า 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 11% แต่คาดว่าผลประกอบการในปี 2555 อาจจะลดลง 16-18 เซนต์ต่อหุ้น เนื่องจากผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะสกุลเงินยูโร

นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงแอปเปิล อิงค์ และยังจับตาดูการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดอาจจะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำนานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ