นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์(LH)เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในปี 55 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากปีก่อน ตามการเติบโตของธุรกิจหลัก คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขาย ธุรกิจให้เช่าที่มีการรับรู้รายได้จากโครงการเทอร์มินอล 21 รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยเติบโตได้ดี ประกอบกับรับผลดีมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล พร้อมทั้งมีแผนปรับขึ้นราคาบ้านราว 3-5% ตามต้นทุนที่สูงขึ้น
ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 55 เพิ่มเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากยอดขายในปี 54 ที่ 19,185 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ แบ่งเป็นเขตกรุงเทพและปริมณฑ 12 โครงการ, ต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่ารวม 32,620 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ, ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ
นายอดิศร กล่าวว่า ยอดรับรู้รายได้จากการขายบ้านและคอนโดมิเนียมในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 8% จากปีก่อนที่โตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน(backlog)4,600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในปีนี้จะอยู่ที่ 1,590-1,600 ล้านบาท หรือเติบโต 100-150% จากปีก่อนที่มีรายได้ 637 ล้านบาท และยังมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยเข้ามาอีกที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 30% มาที่ 1.3-1.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนกำไรปีนี้จะมาจากธุรกิจหลัก 70% และอีก 30% เป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย แต่ที่สำคัญบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการเสียภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% จาก 30% ซึ่งภาษีที่ลดลงไป 7%
ส่วนกำไรสุทธิในปี 54 คาดว่าจะโตกว่าปี 53 เป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากไตรมาส 4/54 บันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในอินโดนีเซียเข้ามาทันที 378 ล้านบาท โดยมีรายจ่ายด้านการลงทุนเกือบ 1 หมื่นล้านบาทถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง แบ่งเป็นซื้อที่ดิน 5,120 ล้านบาท เพิ่มทุนธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย(LHBANK)1.8 พันล้านบาท และลงทุนโครงการเทอร์มินอล 21 อีก 2.4 พันล้านบาท
นายอดิศร กล่าวว่า แผนการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคตทำเลกรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 5 พันล้านบาทในปีนี้จะพิจารณาทำเลที่สามารถทำโครงการได้ทันที และมีแผนซื้อที่ดินต่างจังหวัดเพิ่มในทะเลภาคอีสาน 2-3 จังหวัด เช่น อุดรธานี ขอนแก่น และกำลังศึกษาที่เชียงราย
นอกจากนี้ ยังมีงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า จำนวน 880 ล้านบาท พร้อมกันนั้น บริษัทได้ยื่นประมูลพัฒนาที่ดินบริเวณสามย่านไปแล้วมีโอกาสชนะประมูล 50% โดยอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบโครงการ เช่น โรงแรม อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม คอนเวนชั่นฮอล์ คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท รวมค่าก่อสร้างและที่ดิน
ในปีนี้บริษัทมีแผนระดมทุนผ่านหุ้นกู้จำนวน 6 พันล้านบาท โดยจะออกล็อตแรกในไตรมาส 1/55 จำนวน 4 พันล้านบาท และในไตรมาส 3/55 อีก 2 พันล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าระดับหนี้สินต่อทุน(D/E)สิ้นปี 55 จะลดลงจากปี 54 พร้อมกันนั้น บริษัทคาดว่าจะนำเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 3 แห่ง มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก
นายอดิศร กล่าวอีกว่า ในปี 55 คาดว่าจะเห็นการปรับราคาขายบ้านขึ้น 3-5% ตามต้นทุนก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาราว 8-10% ซึ่งการปรับราคาขายได้น้อยกว่าต้นทุนที่ขึ้นมา อาจจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงไป 1% ในปี 55 จากปี 54 ที่อยู่ที่กว่า 32% แต่บริษัทจะไปได้ในส่วนชดเชยภาษีแทน
ส่วนการลงทุนต่างประเทศใน 1-2 ปีนี้ยังไม่ง่าย เนื่องจากบริษัทยังไม่มีความพร้อม แต่หากมีพันธมิตรร่วมทุนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกธุรกิจจำเป็นที่จะต้องออกไปลงทุนต่างประเทศ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และความพร้อมของแต่ละบริษัท