(เพิ่มเติม) BAY รับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยของ HSBC มูลค่า 3.56 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 25, 2012 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมาร์ค จอห์น อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันพุธที่ 25 มกราคม 2555 ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้ธนาคารฯ และ/หรือบริษัทย่อยดำเนินการรับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยในประเทศไทย ของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (HSBC) ซึ่งประกอบธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเงินฝากส่วนบุคคลและตั๋วแลกเงิน ภายใต้ใบอนุญาตประกอบการสาขาของธนาคารต่างประเทศและการกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย คิดเป็นมูลค่า 3,557 ล้านบาท บวกกับมูลค่าของสินทรัพย์สุทธิ (มูลค่าสินทรัพย์หักด้วยมูลค่าหนี้สิน) ที่จะโอนมา ณ วันเข้าทำรายการ

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ธุรกิจลูกค้ารายย่อยของ HSBC ในประเทศไทยประกอบไปด้วย สินทรัพย์ 13,427 ล้านบาท และหนี้สิน 17,452 ล้านบาท ในกรณีที่สินทรัพย์ทั้งหมดมีมูลค่าน้อยกว่าหนี้สิน ณ วันเข้าทำรายการ HSBC จะเพิ่มเงินสดเพื่อทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ ณ วันเข้าทำรายการเท่ากับหนี้สิน ทั้งนี้ จะทำให้นทรัพย์ที่รับโอนมีมูลค่าเท่ากับ 17,452 ล้านบาท ตามข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554

ทั้งนี้ กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2555 ในวันที่ 20 มีนาคม 2555 กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อพักการโอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2555 จนกระทั่งการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นสิ้นสุดลง

อนึ่ง ผู้ถือหุ้นของธนาคารฯ ได้แก่ กลุ่มรัตนรักษ์ และกลุ่ม General Electric ได้แจ้งต่อธนาคารฯ ว่าทางกลุ่มผู้ถือหุ้นมีเจตนาในการออกเสียงสนับสนุนวาระการประชุมเรื่องการรับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยของ HSBC

การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้สอดคล้องกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีฯ ในการสร้างความเติบโตในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ ธุรกิจสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคลและธุรกิจเงินฝากของเอชเอสบีซีจะถูกผนวกเข้ากับธุรกิจเดิมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธุรกิจบัตรเครดิตของเอชเอสบีซีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีเครดิตคาร์ด

นายมาร์ค คาดว่าการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสแรกของปี 2555 นี้ และการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์ของกรุงศรีเพิ่มขึ้นจำนวน 17,452 ล้านบาท หรือเติบโต 1.8% และทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นจากระดับ 45% เป็น 46% ของสินเชื่อรวม

นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้กรุงศรีกรุ๊ปซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของไทยและเป็นผู้ออกบัตรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ให้บริการลูกค้าจำนวนกว่า 10 ล้านคน และมีจำนวนบัตรเครดิตมากกว่า 4.8 ล้านบัตร

การเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าของเอชเอสบีซีได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายของกรุงศรี รวมทั้งเครือข่ายสาขาและช่องทางการบริการของกรุงศรีที่มีอยู่ทั่วประเทศ

“เรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 สถาบันการเงินของประเทศที่สร้างผลตอบแทนสูงสุด (ROE) ให้กับผู้ถือหุ้น การเข้าซื้อธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของเอชเอสบีซีเป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของกรุงศรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว และเมื่อผสานเข้ากับความเติบโตจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ (Organic Growth) จะเห็นได้ถึงความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของกรุงศรี ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะผู้สร้างนวัตกรรมในภาคธุรกิจธนาคารของประเทศ" นายมาร์ค กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ