สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 59,045 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 40,594 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 69% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 17,101 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี 7 ปี และ 20 ปี (LB15DA LB193A และLB326A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,721 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,030 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ16OA) หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC144A) และหุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK127A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 375 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 8,293 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มกองทุนที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 1,951 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 5,143 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดงในทุกช่วงอายุตราสารหนี้ หรือโดยเฉลียแล้วปรับตัวลดลงประมาณ —1 ถึง -8 Basis Point โดยเป็นผลจากการประชุมกนง.ในวันนี้ ที่มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 3.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.0% ต่อปี สำหรับการประมูลพันธบัตรรัฐบาลในวันนี้มีอุปสงค์จากนักลงทุนค่อนข้างมาก ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติในวันนี้ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงอายุของตราสาร
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.05% ปรับตัวลดลง 0.02% จากวันก่อนหน้า และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.12%