SPALI ยอดขาย Q4/54 ทุบสถิติ แม้รายได้ทั้งปีต่ำเป้า,หวังรายได้ปีนี้ 1.35 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 26, 2012 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการ บมจ.ศุภาลัย(SPALI)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ยอมรับว่า รายได้รวมในปี 54 จะลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4 /54 ทั้งรายได้และกำไรลดลง เพราะยอดโอนชะงัก โครงการแนวราบส่วนใหญ่เลื่อนออกไปและมีการยกเลิกบางส่วน แต่ไม่ถึง 5% ของมูลค่ายอดขายที่มีกำหนดโอนในไตรมาสดังกล่าว 2 พันล้านบาท

แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนยอดขายในไตรมาส 4 /54 กลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 พันล้านบาททั้งจากยอดขายคอนโดมิเนียมและแนวราบ ซึ่งถือว่าสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 23 ปี โดยเฉพาะยอดขายจากโครงการที่เปิดในช่วงปลายปี 54 ที่เป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก แต่ละโครงการมียอดจองถึง 70-80%

"ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ดีที่เราโดนจากน้ำท่วม แต่เรากลับเจอโอกาส ยอดขายเราเพิ่มขึ้นมากในไตรมาส 4/54 และสูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัท ซึ่งก็แปลกใจ โครงการที่เราเปิดขายช่วงนั้นตอบรับดีมาก บางคนซื้อเป็นหลังที่ 2 เรายังมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ การที่เรามีกระแสเงินสดในมือมากทำให้เราได้เปรียบรายอื่น"นายไตรเตชะ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การโอนโครงการที่ชะงักไปเมื่อปลายปีก่อนได้ยกมาในปี 55 ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(Backlog)ในมือสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้มากกว่า 8 พันล้านบาท และที่เหลือทยอยรับรู้ฯ ในแต่ละปี เป็นหลักประกันกับรายได้ในอนาคต โดยในปี 55 บริษัทประมาณการรายได้และกำไรสุทธิสูงขึ้นจากปี 54 ตั้งเป้ารายได้รวม 1.35 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้การลดภาษีเงินได้นิติบุคล เหลือ 23% จาก 30% จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรที่ที่เพิ่มขึ้น

นายไตรเตชะ กล่าวต่อว่า ในปี 55 บริษัทมีแผนในการพัฒนาโครงการใหม่ราว 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2 หมื่นล้านบาท ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5-6 โครงการ และที่เหลือเป็นแนวราบ โดยโครงการคอนโดมีเนียมใหม่มูลค่าสูงกว่า 2 พันล้านบาท"Supalai Wellington"เตรียมเปิดตัวใน Q1/55 และการขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดเพิ่มจะทำให้บริษัทมีโอกาสสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น

สำหรับที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ดังกล่าวปัจจุบันขาดเพียง 2- 3 แปลง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ไม่นานนี้ โดยบริษัทวางเงินในการซื้อที่ดิน 4.5 พันล้านบาทมากกว่าปีก่อน มองว่าเป็นโอกาสเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่ลดงบในการซื้อที่ดินลง ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงิดสดที่แข็งแกร่ง

ภาพรวมธุรกิจอสังหาปี 55 เชื่อว่ายังเติบโตเพราะจากความต้องการที่ยังมีต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและคอนโดมีเนียม และจากผลกระทบน้ำท่วมดีมานด์เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันในส่วนของต้นทุนคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ส่งผลให้มีแนวโน้มราคาขายของผู้ประกอบการจะปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทด้วย แต่การปรับราคาขายบริษัทจะทยอยปรับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ