สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 73,182 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 63,183 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 86% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 7,883 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี 5 ปี และ 7 ปี (LB155A LB176A และLB193A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,565 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,247 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC128A) หุ้นกู้บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A) และหุ้นกู้ของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP131A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 703 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 8,027 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 1,963 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 4,824 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดงเล็กน้อยในทุกช่วงอายุตราสารหนี้ หรือโดยเฉลียแล้วปรับตัวลดลงประมาณ —1 ถึง -2 Basis Point โดยในวันนี้มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในพันธบัตรอายุ 3 ปีที่เปิดประมูลในวันนี้ค่อนข้างหนาแน่น ในขณะที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม (0 — 0.25%) ต่อไปถึงปี 2557 ทำให้ตลาดจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทยเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.04% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันก่อนหน้า และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.12%