ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 22.33 จุดหลังข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 27, 2012 06:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลงเกินคาดในเดือนธ.ค. และจำนวนคนว่างงานปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้บดบังรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทสหรัฐและปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปลายปี 2557

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 22.33 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 12,734.63 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 7.62 จุด หรือ 0.57% แตะที่ 1,318.43 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 13.03 จุด หรือ 0.46% แตะที่ 2,805.28 จุด

ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัท แคทเทอร์พิลลาร์, 3M และไทม์ เวอเนอร์ เคเบิล นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2%

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในช่วงเช้ายังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงตอบรับแถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fun rates) ที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปลายปี 2557 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยืนยันว่าสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ยังคงเอื้ออำนวยให้เฟดตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปจนถึงช่วงเวลาดังกล่าว

แต่จากนั้นตลาดก็เริ่มอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ม.ค. เพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 377,000 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 356,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า และตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ร่วงลง 2.2% มาอยู่ที่ระดับ 307,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก

หุ้น 3M พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท ขณะที่หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 2.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 4 พุ่งขึ้น 58% เพราะได้แรงหนุนจากยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่องานอุตสาหกรรมก่อสร้างจากทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น

หุ้นไทม์ วอเนอร์ เคเบิล พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และประกาศแผนการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 17% สู่ระดับ 56 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ซึ่งผู้บริหารสายการบินรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

หุ้นคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าได้ช่วยชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม หุ้น AT&T ร่วงลง 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท

นักลงทุนจับตาดูการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส และการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซที่ยังไม่มีข้อสรุปจนถึงขณะนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.0% เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.8% ในไตรมาส 3/2554 เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

ขณะที่รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ช่วงท้ายเดือนม.ค.ในวันนี้เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือม.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 74.1 จุด จากระดับ 74.0 ของเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ