ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 74.17 จุดหลัง GDP สหรัฐโตน้อยกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 28, 2012 07:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2554 ที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ เรทติงส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีและสเปน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 74.17 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 12,660.46 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 2.11 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 1,316.32 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 11.27 จุด หรือ 0.40% แตะที่ 2,816.55 จุด

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.5% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.1% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.1%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา โดยดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยจีดีพีที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า จีดีพีขยายตัว 2.8% ต่อปี ซึ่งแม้ว่าจีดีพีไตรมาส 4 ได้ทำสถิติขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน แต่ก็ขยายตัวได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3%

กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยด้วยว่า จีดีพีตลอดทั้งปี 2554 ขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อทียบกับระดับ 3% ของปี 2553 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี สเปน และอีก 3 ประเทศในยูโรโซนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้ไม่มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากพอที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้

ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยูโรโซน ลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A- จากระดับ A+ พร้อมกับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A จากระดับ AA-

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนในระดับหนึ่งในระหว่างวัน จากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ หลังจากที่นายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังของกรีซกล่าวว่า การเจรจาดังกล่าวใกล้จะประสบความสำเร็จ ขณะที่นายออลลี เรห์น กรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนและรัฐบาลกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงเรื่องการสว็อปหนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกในระหว่างวัน หลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ 75 จุด จากการประมาณการในช่วงก่อนหน้านี้ที่ 74 จุด

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 ที่น้อยเกินคาด เนื่องจากต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นและบริษัทเผชิญปัญหาการขาดทุนในตลาดยุโรปและเอเชีย

ขณะที่หุ้นเชฟรอนดิ่งลงกว่า 2% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีเอนด์จี) ร่วงลงเกือบ 1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับข่าวเฟซบุ๊ก เตรียมออกหุ้น IPO โดยหนังสือพิมพ์เจอร์นัล วอลล์สตรีทระบุว่า เฟซบุ๊กเตรียมระดมทุนเป็นวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์จากการออกหุ้น IPO ในครั้งนี้

นอกจากนี้ นักทุนจะจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทไฟเซอร์, ยูพีเอส, Amazon.com และเอ็กซอนโมบิล

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์หน้านั้น รวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.6% ในเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ