นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทตั้งเปาว่าในปี 2555 จะมีรายได้ 13,200 ล้านบาท จากยอดขาย16,000 ล้านบาทเติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% ซึ่งมีรายได้ 12,000 ล้านบาท และมียอดขายรวม 14,200 ล้านบาท โดยรายได้ในปี55 จะมาจากแบคล็อคหรือยอดขายรอรับรู้รายได้14,000 ล้านบาท โดยระทยอยรับรู้รายได้ในปี2555 ประมาณ 11,500 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้บริษัท มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 11โครงการทั้งในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัดหรือมีมูลค่าลงทุนรวม 15,000 ล้านบาทโดยจะแบ่งการเปิดตัวเป็นไตรมาส 1จำนวน 4 โครงการ ไตรมาสที่ 2ประมาณ 4 โครงการและในไตรมาสที่ 3 อีก 3 โครงการ และไตรมาส4 เป็นช่วงที่จะพิจารณาว่าจะมีการลงทุนโครงการใหม่เพิ่มมากน้อยเท่าใด โดยจะเป็นการลงทุนในหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด 1-2 แห่ง
ทั้งนี้ ทำเลที่จะมีการที่จะเปิดตัวในไตรมาสแรกประกอบด้วย สุขุมวิท 47, สุขุมวิท 109, บางนาซึ่งจะเปิดตัวในเดือน ก.พ. ส่วนอีก1 ทำเลอยู่บนถนนสุขุมวิทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน ส่วนไตรมาสที่2 จะเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเล รัชโยธิน, รัตนาธิเบศร์, หาดจอมเทียน,และหัวหิน ไตรมาสที่3 จะเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลรามคำแห่ง,พัทยานาเกลือ,และโครงการหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอีก1 โครงการ
สำหรับการลงทุนในพัทยานั้น โครงการลุมพินีคอนโดทาวน์ ปิดการขายแล้ว ส่วนโครงการลุมพินีพาร์คแอนด์บีช มียอดขาย 70% ของเฟสแรก ส่วนโครงการที่ 3 คือ โครงการลุมพินีวิลล์ ล่าสุดได้เปิดการขายแล้วโดยมีผลตอบรับที่ดีมาก คาดว่าในปีจะเปิดเฟส 2 ของทั้ง 2 โครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี โดยทั้ง 2 โครงการนั้นในเฟส2 จะมีการพัฒนาจำนวนยูนิตรวม 4,000 ยูนิต
“ตลาดพัทยาเป็นตลาดที่มีดีมานด์ จำนวนมากกว่า 1.2-1.3ล้านคนจากประชากรรวม1.5ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นประชากรที่อยู่ในพื้นที่ 2 แสนราย ส่วนที่เหลือเป็นประชากรที่เข้ามาทำงานภาคบริการและภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งกลุ่มของประชากรที่เข้ามาทำงานในพื้นที่นั้น ส่วนใหญ่เช่าอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งมีค่าเช่าต่อเดือน 5,000-6,000 บาทต่อเดือน"
ทั้งนี้การเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการของแอล.พี.เอ็น.ฯในตลาดพัทยาถือว่าเป็นการเปิดตลาด ห้องชุดระดับกลาง-ล่าง 1-2 ล้านบาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯในส่วนกลางหลายๆ รายที่มีแผนการขยายการลงทุนเข้ามาในตลาดพัทยา เช่น ศุภาลัย, พฤกษาฯและแสนสิริฯ ซึ่งเชื่อว่าในระยะใกล้นี้จะเข้ามาแชร์ตลาดระดับกลาง- ล่างกับแอล.พี.เอ็น.ฯ
นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในส่วนของผู้บริโภคระดับกลาง และระดับล่าง รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษียณอายุ ซึ่งในโครงการลุมพินีวิลล์ วงศ์อมาตย์นี้ถือเป็นโครงกรแรกที่บริษัทได้พัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส เพื่อรองรับกลุ่มผู้เกษียณอายุโดยเฉพาะ โดยมีการแบ่งส่วนห้องพักอาศัยเป็น Family Zone ซึ่งรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีจำนวน80 ยูนิต
“ห้องชุดโซน แฟมิลีโซน นี้มีการออกแบบเป็นพิเศษ เช่น ห้องมีขนาดกว้างขึ้น คือ มีพื้นที่ 34 ตร.ม. ดีไซน์ห้องให้ไม่มีผนังกันห้อง ห้องน้ำเฉพาะเพื่อผู้สูงอายุ และมีราคาขายที่สูงกว่าห้องชุดปกติ 10,000-12,000 บาทต่อตร.ม"
ด้านนางสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด บริษัทลูก กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์รวม 5 โครงการมูลค่ารวม 1,500ล้านบาท โดยได้ลงทุนพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ในช่วงไตรมาสแรก 2 โครงการ คือโครงการลุมพินีทาวน์เพลส รัชโยธิน-เสนา ซึ่งมีพื้นที่พัฒนาโครงการ 7 ไร่ จำนวน71 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.5-4.6ล้านบาท มูลค่ารวม 400 ล้านบาท ขณะนี้ขายได้แล้ว 40% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ และโครงการลุมพินีทาวน์ เรสซิเดนท์ ลาดพร้าวสเตชั่น ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่า 770 ล้านบาท ส่วนอีก อีก 3โครงการที่เหลืออยู่ระหว่างการหาที่ดินในการพัฒนา
สำหรับนโยบายการลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบในปีนี้บริษัทจะเน้นลงทุนภายใต้แบรนด์ ลุมพินีทาวน์ เพลส ซึ่งมีระดับราคาเฉลี่ย 3-4 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนทาวน์โฮม ลุมพินีทาวน์เรสซิเดนท์ ระดับราคา 8-10 ล้านบาท จะเป็นแบรนด์ที่ลงทุนรองลงมา
อย่างไรก็ตาม บริ๋ทยังไม่มีแผนเสนอขายบอนด์ใน 3 ปี (ปี 55-57) เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ 0.5 เท่า อีกทั้งยังมีกรแงนสดเพียงพอสำหรับการพัฒนาโครงการ ขณะนี้ปัจจุบัน Backlog อยูที่ 1.4 หมื่นล้านบาท รับรู้ปีนี้ 1.15 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือ 2.5 พันล้านบาทรับรู้ปี 56