นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ( SENA ) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนในการเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 500 -600 ล้านบาท อายุ 2- 3 ปีในช่วงครึ่งหลังปี 55 เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการ และธุรกิจในเช่า ที่บริษัทธุรกิจใหม่ในการสร้างรายได้ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งจะมีการจัดเรทติ้งหุ้นกู้ดังกล่าว
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ 1,500 ล้านบาท และยอดขายปีนี้ 1,800 ล้านบาท โดยมีแผนพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการ ประกอบด้วยโครงการแนวราบ 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ ธุรกิจเช่า Retail 2 โครงการ พร้อมทั้งการขยายทำเลไปสู่เมืองพัทยา ด้วยรูปแบบธุรกิจบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟ และโรงแรม
ในปีนี้ บริษัทจะเน้นการ Diversify ธุรกิจ เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบมากขึ้น และเน้นทำสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค โดยบริษัทจะใช้คอนเซปต์ GREEN GIVING เป็นคอนเซปต์หลักในการพัฒนาสินค้าและทำการตลาดในปีนี้ โดยจับกลุ่มเป้าหมาย Low-Middle Income เป็นหลัก เนื่องจากในกลุ่มดังกล่าวในตลาดมีปริมาณมาก
"ปีนี้เรากระจายการพัฒนาโครงการ มีธุรกิจเช่า เข้ามาช่วย ทั้งการเพิ่มรายได้ แม้จะไม่มาก แต่จะกินเรื่อยๆ และเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วย น้ำท่วมที่เกิดในช่วงที่ผ่านมาเป็นบทเรียนให้เรา และในปี 55 เราเน้นลูกค้า Low-Middle Income ซึ่งในตลาดมีมาก 80% ในกรุงเทพ - ปริมณฑล ทำให้ความต้องการยังมีเหลือ อยู่ที่เราจะเข้าถึงลูกค้าอย่าไรเท่านั้น" นางสาวเกษรา กล่าว
นางสาวเกษรา กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเช่าเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (55 - 58) จากปี 55 ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 1% โดยรายได้ 60 -70% มากจากคอนโดมีเนียม ซึ่งที่ผ่านมามียอดขายที่ดี และ 5% มาจากแนวราบ ขณะที่งบที่ดินในปีนี้ 700 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 54 ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการปิดงบเพื่อรายงานนั้น คาดว่าจะมีรายได้ 2 พันล้านบาท ซึ่งมากกว่าเป้าหมาย 1.5 พันล้านบาท ที่ตั้งไว้ เนื่องจากยอดขายคอนโดมีเนียมที่เพิ่มขึ้น จากผลกระทบน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทได้สร้างความไว้วางใจต่อลูกค้าจากผลกระทบดังกล่าว ทั้งการปรับถมที่ดินให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบดังกล่าวส่งผลต่อปัญหาวัสดุก่อสร้างที่ขาดแคลน และทำให้ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนบริษัทจะเห็นการปรับราคาขายบ้านเพิ่มขึ้น ตามตลาดโดยรวมที่คาดว่าผู้ประกอบการจะปรับเพิ่มประมาณ 3 - 5 % แต่การปรับราคาขายของบริษัทจะทยอยปรับ และปรับในบ้านที่สร้างใหม่