นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวคิดที่จะแยกธุรกิจ NGV โดยการจัดตั้งเป็นบริษัทย่อย เพื่อความชัดเจนทางบัญชี และไม่ถูกกล่าวหาว่ามีการหมดเม็ด ทั้งๆ ที่การประเมินราคา NGV มีสถาบันการกลางในการประเมิน คือ สถาบันปิโตรเลียม และยังมีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจสอบงบกำไรขาดทุนของบริษัท และราคา NGV ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ต้องแบกรับ ประกอบกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีแนวคิดที่จะจัดตั้ง Social Enterprise คือ การนำบริษัทที่ไม่ได้สร้างกำไรเข้าจดทะเบียน ซึ่งมีการพุดคุยกันในเรื่องนี้และอาจมีผู้ถือหุ้นไม่หวังผลกำไรและต้องการทำเพื่อสังคม
สำหรับความคืบหน้าโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าในพม่านั้น นายไพรินทร์ กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าในการศึกษาแต่ต้องรอการประเมินปริมาณปิโตรเลียมในแหล่ง M3 ที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) กำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งหลังปี 55 และหลังจากนั้นก็จะดำเนินการต่อไปได้
ส่วนการที่รัฐบาลพม่าต้องการปริมาณก๊าซธรรมชาติใช้ในประเทศเพิ่มมากขึ้นนั้นในส่วนของ ปตท.ไม่มีปัญหา เนื่องจากเป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าปริมาณก๊าซจะมีเพียงพอที่จะกลับมาใช้ประเทศไทย
สำหรับการประชุม World Economic Forum(WEF) ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นายไพรินทร์ กล่าวว่า ไทยได้รับความสนใจจากประชาคมโลก และเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะอยู่ที่เอเชียตะวันออก รวมถึงอาเซียน ส่วนวิกฤติหนี้ในยุโรปยังมีความน่ากังวล ซึ่งในเดือน มี.ค.55 กรีซจะครบกำหนดชำระหนี้ก้อนใหญ่ หากไม่สามารถชำระได้ตามกำหนดคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในยุโรป และกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก