นายคมสันต์ ปรมาภูติ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.บัวหลวง กล่าวในงานสัมมนา"ทองคำ พื้นฐาน หรือ ฟองสบู่" ว่า ราคาทอง upside ปีนี้ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ น่าจะเห็นช่วงไตรมาส 3 โดยจะเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่กลางไตรมาส 3 สิ่งที่มองปีนี้สหรัฐจะมีการเลือกตั้งไตรมาส 4 พอไตรมาส 3 ก็จะรับผลแคมเปญอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจโอกาสที่ราคาทองจะปรับขึ้นแรงช่วงนั้นมี
ขณะที่มอร์แกนสแตนเลย์ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์มองที 2,200 ดอลลาร์
ส่วนราคาพื้นฐานมองที่ 1,600 ดอลลาร์ ซึ่งช่วงไตรมาส 2 ปกติจะเป็น low season อาจมีความผันผวนอีกรอบน่าจะลงมาแถว 1,600 ดอลลาร์ น่าจะมีคนเข้ามาซื้อทองเก็บ
"ราคาทองตอนนี้เริ่มปรับขึ้นเพราะเฟดให้ความหวังว่าจะอัดฉีดเม็ดเงิน sentiment นักลงทุนมีความหวังขึ้นมาจึงเห็นกระแสเงินกลับเข้ามาลงทุนใน Community Currency อย่างออสเตรเลียค่าเงินแข็งขึ้น เงินก็จะเข้าทองคำมากขึ้น นอกจากนี้ตามดูเศรษฐกิจจีนด้วย" นายคมสันต์ กล่าว
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า มองกรอบราคาทองปีนี้ 1,480-2,000 ดอลลาร์ ที่มอง 2,000 ดอลลาร์ กรณีที่มี QE3 มีเงินอัดฉีดเข้ามาในระบบมากเมื่อเกิดเงินเฟ้อ คนก็จะหันมาซื้อทองคำมากขึ้น
ปี 55 ราคาทองมีโอกาสที่จะเหวี่ยงแรงเหมือนปี 54 ที่ผ่านมา นักลงทุนระยะยาวซื้อได้ ถ้าเล่นสั้นซื้อเก็บวันละ 10% ตอนนี้ต้องดูปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสถานการณ์อิหร่าน ถ้ายืดเยื้อน้ำมันก็จะปรับขึ้นทองก็ปรับขึ้นด้วย แต่ถ้าเป็นปัจจัยทั้งปีดูค่าเงินยูโร ดอลลาร์ และราคาน้ำมัน ขณะที่ค่าเงินบาทปีนี้ก็มีส่วนซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29-32 บาท/ดอลลาร์ เพราะการเหวี่ยงทุก 10 สตางค์ของเงินบาท ทำให้ราคาทองเปลี่ยน 80 บาททองไม่ว่าจะขึ้นหรือลง นักลงทุนก็อยากจะให้เงินบาทอ่อน ทองจะได้ขึ้น
"ทองที่ 2,000 ดอลลาร์ น่าจะเห็นช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีประกาศอะไรเร็วกว่าคาดหรือไม่ เช่น QE เพราะล่าสุดสัปดาห์ที่แล้วเฟดบอกยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำ 0-0.25% ไปถึงปี 2014 ราคาทองกระชากขึ้นทันที และถ้าสถานการณ์อิหร่านแย่หรือรุนแรงมากขึ้น ก็จะเห็น 2,000 ดอลลาร์ เร็วกว่าคาด" น.ส.ฐิภา กล่าว