หุ้น KC พุ่ง 10.13% มาอยู่ที่ 0.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.02 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.25 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.87 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.89 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.86 บาท
หนังสือพิมพ์เช้านี้ระบุว่า KC จ่อโดนฮุบหลังพื้นฐานไม่สวย กลุ่มทุนต่างประเทศยื่นขอเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดหวังแบ็กดอร์เข้าตลาดหุ้นทางอ้อม ชี้ราคาหุ้นต่ำเว่อร์หรือต่ำบุ๊กแวลูที่ 1.57 บาทพ่วงหนี้สินต่อทุนต่ำติดดินและไม่ต้องเสียภาษีในปีแรกที่เข้าเทกกิจการ เหตุบริษัทยังมีผลขาดทุน วงในเคาะราคาซื้อ 1.50 บาท
นายชาย งามอัจฉริยกุล ผู้จัดการฝ่ายบริหาร บมจ.เค.ซี.พร๊อพเพอร์ตี้(KC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"โดยยยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเจรจากับผู้บริหารของบริษัทเพื่อที่จะเข้ามามีบทบาทในบริษัททั้งรูปแบบการร่วมทุนและการซื้อหุ้นทั้งหมด แต่การเจรจาไม่มีความคืบหน้าใด ๆ และเงียบไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ปิดกั้นการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ แต่คงต้องพิจารณาเงื่อนไขที่ดี สมเหตุสมผล และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น พร้อมทั้งยืนยันว่า ณ ขณะนี้ไม่ได้มีการเจรจากับรายใดเลย
"ผมเข้าใจได้กับข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ชัดเจนในการประกาศตัวเองว่าเราเปิดรับพันธมิตรมาตลอด ที่ผ่านมามีคนมาคุย แต่ตอนนี้เงียบไปแล้ว เราซีเรียสกับคนที่จะมา ถ้าจะเป็นพาทเนอร์ก็ต้องเป็นบริษัทที่มีประวัติที่ดี ยอมรับว่าราคาราคาหุ้นตอนนี้ต่ำ และเป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนสนใจ"นายชาย กล่าว
นายชาย กล่าวต่อว่า ยอมรับว่ายอดขายในช่วงไตรมาส 4/54 ไม่ดีและชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และอาจทำให้มีผลประกอบการขาดทุน โดยปัจจุบันบริษัทมีขาดทุนสะสม 500 ล้านบาท รวมทั้งยอดขายก็อาจจะพลาดจากเป้าหมายที่วางไว้ 1 พันล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 54 มียอดขายที่ดี
บริษัทคาดหวังว่าในปี 55 ผลประกบอากรจะสามารถกลับมามีกำไรได้ ตามสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการผู้บริโภคที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ และมองว่าการฟื้นตัวจะทยอยดีขึ้นจนกระทั่งกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาส 2/55 ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทและผู้ประกอบการรายอื่น ขณะที่บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(Backlog)จำนวนกว่า 400 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้ในปี 55
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาของปี 55 ซึ่งคงมีการปรับแผนในการดำเนินธุรกิจ