นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี เปิดเผยว่า บลจ. ไอเอ็นจี เสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล" ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 30 ม.ค.-7 ก.พ.55 โดยกำหนดจองขั้นต่ำ 2,000 บาท
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ คือ ING (L) Renta Fund Asian Debt (Local Bond) ซึ่งกองทุนรวมต่างประเทศนี้จะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารตลาดเงิน และเงินฝากของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง และจีน เป็นต้น
ทั้งนี้ เนื่องจากภูมิภาคเอเชียจะเป็นจุดหมายปลายทางของเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระยะเวลาฟื้นฟู ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปยังคงต้องเผชิญกับวิกฤติหนี้สาธารณะที่ส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.55 ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 5 ประเทศในยูโรโซน ซึ่งรวมถึงอิตาลีและสเปน โดยปรับลดเครดิตของอิตาลีลดลง 2 ขั้นจาก A+ เป็น A- และปรับลดของสเปน 2 ขั้นจาก AA- เป็น A เนื่องจากประเทศเหล่านี้อาจมีความยืดหยุ่นทางการเงินไม่เพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤติหนี้
อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้ประกาศปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4% พร้อมกับคาดว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 0.5% ในปีนี้ จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1% โดยปัจจัยสำคัญยังมาจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป ซึ่งจะส่งผลฉุดรั้งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเพียง 1.8%
ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้มีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อเนื่องไปจนถึงปี 2014 จากเดิมที่ประกาศจะตรึงดอกเบี้ยถึงกลางปี 2013 สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ ยังคงต้องประคับประคองและใช้เวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของตัวเองต่อไป
จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียมีความโดดเด่นเพิ่มมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจเอเชียยังมีความแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไป โดยมีฐานะการเงินและการคลังที่มั่นคง จากการที่มีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในระดับสูง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าการเลือกสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน รวมถึงการเลือกลงทุนในสอดคล้องกับสถานการณ์เป็นเรื่องสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงของการขยายตัว การเลือกลงทุนในหุ้นจะเหมาะสม แต่หากวงจรเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขยายตัวเต็มที่นักลงทุนควรเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
แต่สำหรับการลงทุนในปัจจุบันในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทรงตัวและลดลง การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เหมาะสมคือการเลือกลงทุนใน“ตราสารหนี้"โดยเรายังได้วิเคราะห์เพื่อคัดเลือกภูมิภาคที่เหมาะสมกับการลงทุนซึ่งก็คือ“การลงทุนในตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชีย"ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ในช่วงปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า ดังนั้น ทำให้เรามั่นใจว่า“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล"จะเป็นทางเลือกการลงทุนที่จะสามารถสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี