ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ จากความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กรีซ แม้มีรายงานว่าราคาบ้านสหรัฐร่วงลงในเดือนพ.ย. และยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยาน 63.96 จุด หรือ 0.51% แตะ 12,717.68 จุด สอดคล้องกับดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้น 7.87 จุด หรือ 0.6% มาอยู่ที่ 1,320.88 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq บวกขึ้น 0.63% หรือ 17.58 จุดมาอยู่ที่ 2,829.52
การปรับตัวของตลาดหุ้นสหรัฐได้รับอานิสงส์จากข่าวดีในยูโรโซน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอสของกรีซเผยว่า จะพยายามเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งสัญญาณว่ากรีซมีแนวโน้มว่าจะได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบ 2 และอาจจะสามารถรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้
ส่วนการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งได้ปิดฉากลงเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติให้มีการใช้สนธิสัญญาการคลังฉบับใหม่ เพื่อคุมเข้มวินัยด้านการคลัง พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในกลุ่มเยาวชนในยูโรโซน โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เป็นปัจจัยบวกดังกล่าวได้ถูกสกัดด้วยสถานการณ์การว่างงานที่รุนแรงในยูโรโซน เนื่องจากข้อมูลบ่งชี้ว่าอัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 10.4% ในภูมิภาคดังกล่าว
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่าราคาบ้านเดือนพ.ย.ปรับตัวลงมากกว่าที่คาด ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลง 0.7% และเมื่อเปรียบเทียบรายปีพบว่าราคาบ้านลดลง 3.7% ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้