ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 20.81 จุดหลังข้อมูลศก.สหรัฐอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 1, 2012 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงเกินคาด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนจะมีความคืบหน้ามากขึ้น และยังได้แรงหนุนจากข่าวผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงการใช้มาตรการคุมเข้มด้านการคลัง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 20.81 จุด หรือ 0.16% แตะที่ 12,632.91 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.60 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 1,312.41 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.90 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 2,813.84 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยดัชนีหลักๆทั้ง 3 ดัชนีอ่อนแรงลงหลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้า เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลง 0.7% และเมื่อเปรียบเทียบรายปีพบว่าราคาบ้านลดลง 3.7% ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยระดับโลกเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 61.1 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2554 ที่ขยายตัวเพียง 2.8% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3% และจีดีพีตลอดทั้งปี 2554 ขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับระดับ 3% ของปี 2553 อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากการที่นักลงทุนยังคงมีความหวังว่าการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะประสบความสำเร็จ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอสของกรีซเผยว่า เขาจะพยายามเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งสัญญาณว่ากรีซมีแนวโน้มว่าจะได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบ 2 และอาจจะสามารถรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ที่ประชุมผู้นำอียูได้ลงมติให้มีการใช้สนธิสัญญาการคลังฉบับใหม่ เพื่อคุมเข้มวินัยด้านการคลัง พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในกลุ่มเยาวชนในยูโรโซน โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้ลงมติรับรองสนธิสัญญาการจัดตั้งกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนถาวรวงเงิน 5 แสนล้านยูโรที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนก.ค.

หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 1.6% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.5%

หุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 2.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 1.216 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งบรรจุภัณฑ์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ปรับตัวลง 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเพียง 5.6% แตะระดับ 1.417 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

หุ้น Amazon.com ด้งลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรร่วงลง 57% อันเนื่องมาจากต้นทุนการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะรายใหญ่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการและยอดขายในไตรมาสแรกปีนี้

ส่วนหุ้นแมทเทล อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่สุดของโลก ทะยานขึ้น 5% หลังจากบริษัทยืนยันเรื่องการเพิ่มการจ่ายเงินปันผล ภายหลังจากผลประกอบการไตรมาส 4 พุ่งขึ้นเหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนม.ค., สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และเฟดจะเปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2554 ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ