ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ที่สามารถบรรลุข้อตกลงการใช้มาตรการคุมเข้มด้านการคลังฉบับใหม่ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยชดเชยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 254.41 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 14.46 จุด หรือ 0.22% แตะที่ 6,458.91 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 32.91 จุด หรือ 1.01% แตะที่ 3,298.55 จุด และดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 10.52 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 5,681.61 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากที่ประชุมผู้นำอียูได้ลงมติให้มีการใช้สนธิสัญญาการคลังฉบับใหม่ เพื่อคุมเข้มวินัยด้านการคลังและรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้ลงมติรับรองสนธิสัญญาการจัดตั้งกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนถาวรวงเงิน 5 แสนล้านยูโร
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอสของกรีซเผยว่า เขาจะพยายามเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งสัญญาณว่ากรีซมีแนวโน้มว่าจะได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบ 2 และอาจจะสามารถรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้
ข่าวในด้านบวกจากฝั่งยุโรปได้ช่วยชดเชยข้อมูลเศรษฐกิจในด้านลบของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 61.1 จุด สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
หุ้นบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดขึ้น 0.5% และหุ้นโททาล เอสเอส พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน พุ่งขึ้น 0.2% แตะที่ 110.98 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ และหลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนธ.ค.ปี 2554 ของญี่ปุ่น ขยายตัว 4% จากเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
หุ้น ThyssenKrupp ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบริษัททำข้อตกลงขายกิจการ Inoxum ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กในเครือ ให้กับบริษัท Outokumpu Oyj มูลค่า 2.7 พันล้านยูโร
หุ้น EADS ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินแอร์บัส พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากหุ้น EADS ได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอส