MFC ให้เป้าดัชนีหุ้นไทยปี55ที่ 1,130 คาดH1ผันผวนก่อนมีโอกาสดีดแรงใน H2

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 1, 2012 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 55 ปรับตัวสูงขึ้น คาดครึ่งปีแรกจะผันผวน โดยเฉพาะในไตรมาสแรก รับแรงกกดันจากปัญหาหนี้ในยุโรป ที่จะมีการประมูลพันธบัตรออกมาอีก 2 แสนล้านยูโร ขณะที่เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 55 อยู่ที่ 1,130 จุด ส่วนการเติบโตกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ระดับ 9-12% และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 4% ระบุมีเงินทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ไหลเข้าตลาดเอเชีย โดยเฉพาะตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market) ขณะเดียวกันมองว่า ตลาดหุ้นจีนน่าลงทุนที่สุด

นายชาคริต พืชพันธ์ ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ MFC กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยได้แก่ การออกนโยบายของประเทศต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาหนี้ในกลุ่มยูโร และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละประเทศ ขณะที่คาดหวังว่ามาตรการภาครัฐในการฟื้นฟูประเทศ ได้แก่การปรับปรุงโครงสร้งพื้นฐาน การซ่อมแซมเครื่องจักร อีกทั้งมาตรการประกันราคาพืชผลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงเกิดอุทกภัย และชดเชยการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอตัวจากกความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก

"ตลาดหุ้นไทย P/E ไม่ได้สูง อยู่ที่ 11 เท่า ในช่วงครึ่งปีแรก ต้องระมัดระวังพอสมควร ในเดือน ก.พ.-มี.ค.จะมีหนี้ที่ครบอายุในประเทศยุโรป ต้องติดตามว่าการประมูลพันธบัตรได้รับการตอบรับดีหรือไม่ ถ้ามีพรีเมียมมากก็แสดงว่าตลาดกังวล...เราอาจจะเห็นรีบาวน์ มีการเคลื่อนย้ายทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ในครึ่งปีหลัง" นายชาคริต กล่าว

ทั้งนี้ในเดือนม.ค. 55 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไป 5.37% ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก แต่ยังต่ำกว่าตลาดเอเชียด้วยกัน ปัจจัยบวกจากตลาดคลายความกังวลปัญหนี้ในยุโรปที่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาหนี้ ขณะที่กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ก็ไม่ได้แทขายมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งยังมี Fund Flow ยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง

โดยตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ระดับ 855 จุดในเดือน ต.ค. 54 ปรับขึ้นมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 26% ฉะนั้นโอกาสเทขายทำกำไรที่อาจจะเกิดขึ้น

รวมทั้ง ปัจจัยลบที่ยังต้องติดตาม คือความสำเร็จในการต่ออายุพันธบัตรที่ครบกำหนดของประเทศต่างๆ ตลอดจนการเจรจาลดหนี้ของกรีซ , มาตรการผ่อนคลายภาษีของสหรัฐในการนำเงินกำไรของบริษัทนอกสหรัฐกลับมาว่าจะมีผลต่อการเคลื่อนย้ายของเม็เงินลงทุนอย่างไร และ ความสำเร็จในการเพิ่มทุนของสถาบันการเงินในยุโรปในช่วงกลางปีนี้

ด้านนายสุทยุต เชื้อพานิช ผู้จัดการอาวุโส MFC มองว่าตลาดหุ้นในจีน มีมูลค่า(valuation) ต่ำ ใกล้เคียงช่วงเกิดวิกฤติ ทำให้ตลาดหุ้นจีนน่าสนใจ โดย P/E อยู่ที่ 8-9 เท่า ขณะที่ กำไรต่อหุ้น(EPS) โตมากกว่า 20% และนโยบายภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนหลายเซคเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่ม SME หลังจากที่ไม่มีความกดดันเรื่องเงินเฟ้อเข้ามาในปีนี้

ส่วนปัญหาหนี้ในยุโรปที่เป็นความเสี่ยงของนักลงทุน เห็นว่า ได้รับการแก้ไขป้ญหาระดับหนึ่งจากแผนการเพิ่มทุนให้แก่เพิ่มเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป(ESFS) เป็น 1 ล้านล้านยูโร เพื่อครอบคลุมประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยุโรปที่อาจมีปัญหา รวมถึงมาตรการ Long Term Refinancing Operation (LTRO) การเพิ่มสภาพคล่อง และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคากลางยุโรป รวมทั้งการจัดตั้งกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)ด้วย

จึงคาดว่า จะมีเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศ Emerging Market มากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นในประเทศเหล่านี้ ได้ก่ จีน อินเดีย บราซิล รวมถึงตลาดหุ้นไทย น่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ