ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 83.55 จุดขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 2, 2012 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) ขานรับข้อมูลที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนและดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนหลังจากจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 83.55 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 12,716.46 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 11.68 จุด หรือ 0.89% แตะที่ 1,324.09 จด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 34.43 จุด หรือ 1.22% แตะที่ 2,848.27 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขายรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐได้เปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 170,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงานสหรัฐ และจับตาดูการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด

ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.ขยายตัวที่ระดับ 54.1 จุด จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 53.1 จุด ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 8.5% ในเดือนม.ค. เนื่องจากภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวและสามารถต้านทานวิกฤตหนี้ยุโรปได้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนหลังจากสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.ของจีน สะท้อนให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง แต่ก็จะไม่ฉุดรั้งจนทำให้เศรษฐกิจต้องเผชิญกับ "ภาวะทรุดตัวลงอย่างหนัก" นอกจากนี้ ดัชนี PMI เดือนม.ค.ยังขยายตัวเหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ด้วย

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร KBW Bank Index พุ่งขึ้น 1.7% โดยมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 4% หลังจากมีรายงานว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก จะยื่นข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) โดยจะมอบหมายให้มอร์แกน สแตนลีย์ เป็นผู้นำในการทำอันเดอร์ไรท์ ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.2% ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 2.9%

หุ้นเวิล์ดพูล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ทะยานขึ้น 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 พุ่งขึ้น 20%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด (HP) พุ่งขึ้น 2.8% อย่างไรก็ตาม หุ้น Amazon.com ดิ่งลง 7.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และเฟดจะเปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2554 ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ