ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2% ขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน สหรัฐ และยุโรป ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนี Stoxx 600 พุ่งขึ้น 2% ปิดที่ 259.51 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6616.64 จุด พุ่งขึ้น 157.73 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3367.46 จุด พุ่งขึ้น 68.91 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปิดที่ 5790.72 จุด พุ่งขึ้น 109.11 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.ขยายตัวที่ระดับ 54.1 จุด จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 53.1 จุด ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนหลังจากมาร์กิต อิโคโนมิกส์ รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซน ขยายตัวที่ระดับ 48.8 จุด เพิ่มขึ้นจาก 46.9 จุดในเดือนธันวาคม ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีเพิ่มขึ้นแตะ 51 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสเปน พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากหุ้นของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนโดยนักวิเคราะห์ของโนมูระ ขณะที่หุ้นเครดิต อากริโคล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 7.4%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคทะยานขึ้น โดยหุ้น RWE ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ จัดอันดับให้หุ้น RWE อยู่ให้กลุ่มหุ้นที่น่าลงทุน ขณะที่หุ้น Fortum Oyj ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของฟินแลนด์ พุ่งขึ้น 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 4 มูลค่า 421 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 339 ล้านยูโร