บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA)ตั้งเป้าปี 55 จะทำยอดขายที่ดินได้มากกว่า 2 พันไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ราว 1.55 พันไร่ และรายได้รวมน่าจะเติบโตได้มากกว่า 20% ขึ้นไป โดยในช่วงเดือนแรกของปีนี้บริษัทได้เซ็นสัญญาขายที่ดินให้กับลูกค้าไปแล้ว 6-7 รายหลัก 100 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และยังมีลูกค้าอีกหลายรายที่ต้องการย้ายโรงงานมาอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทที่ไม่ถูกน้ำท่วมเมื่อปีก่อน
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 55 กว่า 2 พันไร่ จากปีก่อนที่มียอดขายที่ดิน 1.55 พันไร่ โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการเซ็นสัญญาในการซื้อที่ดินกับลูกค้าแล้วรวมกว่า 100 ไร่ รวมทั้งยังมีลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเจรจาซื้อที่ดิน ประกอบกับ มองว่าสัญญานการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานต์ที่ประเมินยอดการผลิตสูงขึ้นเป็น 2.3 ล้านคัน สนับสนุนการเติบโตของยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อการเติบโตของรายได้ในปี 55 เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปี 54 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3-4 พันล้านบาท และหากมียอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลต่อรายได้มากขึ้นเป็น 5 พันล้านบาท เพราะที่ดินในอมตะนครมีราคาสูงกว่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้
"จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการยานยนต์ยังมองประเทศไทยเป็นการฐานการผลิตที่ดี และยังไม่ย้าย ส่วนลูกค้าเราก็ยังอยู่ไม่มีใครคิดย้ายออก มีแต่ที่อื่นย้ายเข้ามา ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นความพร้อมในที่ดินของบริษัทที่มีความปลอดภัย และการทำโครงการแก้มลิง ทำให้เชื่อมั่นว่าหากฝนตกลงมามาก ปลอดภัย สามารถรองรับได้ และยังได้จัดการเคลียร์ทางเดินน้ำให้ลงสู่ทะเลได้เร็ว"นายวิบูลย์ กล่าว
ส่วนกรณีการที่หลายฝ่ายกังวลว่านักลงทุนจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศพม่านั้น นายวิบูลย์ กล่าวว่า ประเทศพม่ายังความเสี่ยงสูงเมื่อเทียบกับประเทศไทย และระบบโครงสร้างพื้นฐานยังไม่ดีเท่า ส่วนประเทศเวียดนาม บริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมรองรับอยู่แล้ว