นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี(55-59)จำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการหลักเป็นโครงการขยายท่าเรือขนส่งสินค้าให้รับเรือขนาด 5 หมื่นเดทเวทตัน จากเดิมรับเรือขนาด 5 พันเดทเวทตัน
รวมทั้งโครงการต่อเนื่องในการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนเพิ่มอีก 1 แสนตัน เป็น 5 แสนตัน และโครงการโรงไฟฟ้า SPP 2 แห่ง ขนาดโรงละ 120 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าจะใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทสนใจลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนาม ประเภทสารทำละลายตั้งต้น(Solvent) แต่อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนว่าจะเข้าลงทุนเอง โดยการเข้าซื้อกิจการ หรือจะเริ่มเข้าไปทำการตลาดก่อน แผนการลงทุนในเวียดนามสอดคล้องกับการลงทุนของกลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT)
ส่วนโครงการอื่น ๆ จะไปพร้อมกับ PTT โดยสนใจลงทุนในประเทศพม่า, กัมพูชา และ อินโดนีเซีย ซึ่งปตท.จะเป็นแกนหลักในการเข้าไปลงทุน แล้วให้ TOP จะเข้าดูแลธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายและการกลั่น โดยบริษัทจะทำแผน Strategic Planning ที่เป็นแผนงานของกลุ่มปตท.ในการลงทุนต่างประเทศ เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ซึ่ง TOP จะเสนอแผนในช่วง มิ.ย.-ก.ค.ส่วน PTT น่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปแผนงานของกลุ่มในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้
นายสุรงค์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อทำให้น้ำหนักเงินสกุลดอลลาร์และเงินบาทมีความเหมาะสม รวมถึงการลดภาระอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งจัดทำแผนการระดมทุนทั้งการออกหุ้นกู้และกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนและปรับโครงสร้างหนี้ เพราะปัจจุบัน TOP มีสีดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ในระดับต่ำมากแค่ 0.4 เท่า
แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะมีสภาพคล่องค่อนข้างมาก แต่ก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในระยะ 3-5 ปี บวกกับสภาพตลาดเงินที่อาจจะตึงตัวในอนาคต ทำให้ระดมเงินยากขึ้น โดยจะนำแผนงานดังกล่าวเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในเดือน ก.พ.นี้
นายสุรงค์ กล่าวอีกว่า บริษัทประเมินราคาน้ำมันแบบอนุรักษ์นิยมว่าในปี 55 ราคาน้ำม้นเฉลี่ยอยู่ที่ 105-106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งบริษัทมองว่าสถานการณ์มีความผันผวนและมีเรื่องที่ต้องระวังคือปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และปัญหาการเมืองในประเทศตะวันออกกลาง ทำให้ส่งผลกระทบระยะสั้นที่อาจจะทำให้ราคาน้ำมันผันผวนได้ในระดับสูง