ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.การบินไทย(THAI) รับทราบประมาณการในปี 55 บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตราว 7% มาที่ 2.08 แสนล้านบาท โดยจะมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor) จะอยู่ที่เฉลี่ย 74.98% สูงขึ้น 4.61% จากปี 54 ซึ่งในปีนี้ผลดำเนินงานดังกล่าวเป็นที่ยอมรับได้ภายใต้สภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินที่รุนแรง
บริษัทฯ ประมาณการว่าจะมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer/ASK) 78,992 ล้านที่นั่ง-กิโลเมตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.6% และปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสาร (Revenue Passenger- Kilometer/RPK) 59,226 ล้านที่นั่ง-กิโลเมตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7%
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับแผนการบินตามกลยุทธและเร่งรัดดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่าย และพิจารณาให้มีมาตรการลดค่าใช้จ่ายอย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมการจะนำเสนอการปรับปรุงงบประมาณปี 55 ไปยังกระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ขณะที่บริษัทมีแผนปรับฝูงบินในช่วงปี 55-61 โดยจะมีการปลดเครื่องบินเก่า 51 ลำ และรับมอบเครื่องบินใหม่ 56 ลำ
นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ THAI กล่าวว่า ตามแผนของบริษัทช่วงปี 55-61 คาดว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7-7.5% โดยปี 55 คาดว่าจะมีรายได้รวม 207,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ตามการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% เป็นไปตามการเดินทางของประชากรโลกที่เติบโตปีละ 5-6% และตั้งเป้า cabin factor เฉลี่ยปีละ 75% และคาดว่าค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นตามค่าครองชีพหรืออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 54 cabin factor ปรับลงมาที่ 70% จากผลกระทบภาวะน้ำท่วม ทำให้บริษัทมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่า EBITDA ในปี 55 จะเพิ่มเป็นกว่า 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็น sub-brand ของการบินไทย ที่มีตำแหน่งทางการตลาดเป็น Light Premium และมีราคาตั๋วโดยสารที่ถูกกว่า จะเริ่มทำการบินไปยังมาเก๊าเป็นจุดบินแรก เริ่ม 1 ก.ค.55 และจะทำการบินแทนเส้นทางที่การบินไทยบินอยู่ ได้แก่ พนมเปญ จาการ์ต้า กัลกัตตา พาราณสี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังทำการบินบางเส้นทางร่วมกับการบินไทย เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยการบินไทยสมายล์จะใช้เครื่องบินแอร์บัสเอ 320 ซึ่งมีที่นั่ง 174 ที่นั่ง จำนวน 4 ลำ และจะเพิ่มเป็น 11 ลำในปี 56
สำหรับแผนระยะยาว THAI จะมีการปรับเปลี่ยนฝูงบินให้ทันสมัย ระหว่างปี 55-61 บริษัทฯ มีแผน ดังนี้
- แผนการปลดระวางเครื่องบินเก่า รวมจำนวน 51 ลำ รวมทั้งเครื่องบินที่ให้นกแอร์เช่า
- แผนการรับมอบเครื่องบินใหม่ ระหว่างปี 55-61 จำนวน 56 ลำ ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว โดยการซื้อจำนวน 26 ลำ และการเช่าดำเนินงาน จำนวน 30 ลำ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่จำนวน 38 ลำ เพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่จะปลดระวาง และเพื่อเพิ่มเที่ยวบินรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการจัดหาเครื่องบิน New Generation ตามโครงการจัดหาเครื่องบินปีที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 20 เม.ย.54 และยังอยู่ระหว่างการทบทวนแผน ซึ่งต้องนำเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติในรายละเอียดต่อไป
ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดแผนในปี 60 บริษัทฯ จะมีฝูงบินที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุงลดลง รวมทั้งอัตราการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงอย่างมาก
ส่วนปี 55-56 บริษัทฯ จะมีแผนรับมอบเครื่องบินใหม่รวม 25 ลำ และมีแผนปลดระวางเครื่องบินรวม 21 ลำ ปัจจุบัน บริษัทฯ ทำการบินไปยัง 34 ประเทศ 62 เมืองสำคัญ ใน 5 ทวีป มีความถี่ของเที่ยวบิน 863 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แผนพัฒนาเครือข่ายเส้นทางบินจะมุ่งเน้นเส้นทางภูมิภาค ทั้งในเอเชียและประเทศโดยรอบ เพื่อรักษาอัตราการเติบโต ปกป้องตลาด Home base และรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดเหล่านี้ และมีการจัดแบบเครื่องบินและจำนวนเที่ยวบินให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและฤดูกาล