นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์(APCO) เปิดเผยว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน VIP APCO กับพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทขายตรงในประเทศมาเลเซียน่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 2/55
บริษัทดังกล่าวจะเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ประเทศอินเดีย, อินโดนีเซีย, บรูไน, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยจะเริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความกระชับสัดส่วนก่อน จากนั้นจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากผู้ใช้ เพราะในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปทำการสำรวจตลาดและเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากใช้แล้วได้ผลจริง
"เราเตรียมนำเรื่องจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรมาเลเซียเข้าเสนอบอร์ดในวันที่ 24 ก.พ.ก็จะเป็นการแจ้งความคืบหน้าและขออนุมัติในหลักการด้วย จากนั้นก็รอบอร์ดอนุมัติและแจ้งตลาดฯต่อไป คิดว่ากระบวกการต่างๆจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 2/55 ซึ่งเราก็อยากจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะจดทะเบียนที่ไหนด้วย งบลงทุนคงไม่เกิน 10 ล้านบาท"นายพิเชษฐ์ กล่าว
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้น่าจะช่วยผลักดันให้สัดส่วนยอดขายต่างประเทศในปี 55 เพิ่มขึ้นเป็น 15% ของยอดขายรวม จากปีก่อนที่ 10% ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิจากการขายในต่างประเทศอยู่ที่ 30% สูงกว่าการขายในประเทศที่มีอัตรากำไรสุทธิที่ 17%
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 55 บริษัทคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยน่าจะมีรายได้รวมประมาณ 380 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 60 ล้านบาท โมเดิร์นเทรด 15 ล้านบาท ตัวแทนเครือข่าย 280 ล้านบาท ทีวีช้อปปิ้งและอื่นๆ 25 ล้านบาท
ในส่วนของตลาดในประเทศปีนี้ บริษัทได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์ V VIN เข้ามาจำหน่ายในร้านโมเดิร์นเทรดแล้ว ประกอบด้วย P&F, Watsons และ Boots ซึ่งในส่วนต่อจากนี้จะเริ่มมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกสู่สื่อโฆษณาประเภทต่างๆมากขึ้น รวมทั้งขยายช่องทางจัดจำหน่ายออกสู่สาขาต่างๆ นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะขยายสำนักงานสาขาแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อเปิดตลาดกับกลุ่มลูกค้าในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าทั้งชายไทยและชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะจัดตั้งศูนย์จำหน่ายสินค้า BIMXPERT เพิ่มขึ้นในทุกอำเภอ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 100 ศูนย์ และจะผลิตรายการโทรทัศน์ของตนเองความยาว 30 นาที ซึ่งจะออกอากาศในฟรีทีวีด้วย คาดจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/55 และเปิดรายการใหม่ผ่านเคเบิ้ลทีวีจานดำอีก 1 ช่อง จากปัจจุบันที่มีการออกอากาศที่ช่อง TNN2
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการงวดปี 54 ยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าที่ 20% ถึงแม้ช่วงปลายปีที่ผ่านมายอดขายจะชะลอตัวลงบ้างจากผลกระทบน้ำท่วม แต่ความต้องการผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีการปรับตัวลดลงตามไปด้วย เห็นได้จากช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาบริษัทยังมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่าจะมีการจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 54 มากกว่า 40% ของกำไรสุทธิอย่างแน่นอน