นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่า 40% หรือมาอยู่ที่ 2 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการในมือ 17 โครงการ มูลค่าคงเหลือ 4 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมในการสร้างยอดขายปีนี้
สำหรับโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการชวนชื่น รัตนาธิเบศร์ มูลค่า 400 ล้านบาท โครงการชวนชื่น จรัญ 3 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และในช่วงปลายปี 55 จะเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์และโฮมออฟฟิศย่านวิภาวดี มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงิน-บัญชี MK เชื่อมั่นว่า บริษัทจะมียอดขายที่ 3 พันล้านบาท และมีรายได้สูงกว่าปี 54 จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog) 1.2 พันล้านบาทที่พร้อมจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และยังจัดโปรโมชั่นเร่งการโอนจากสต็อคโครงการที่เหลืออยู่ มูลค่ารวม 2.5 พันล้านบาท หรือประมาณ 500-600 ยูนิต คาดว่าจะขายได้ 80%
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับแผนการพัฒนาโครงการ โดยการหันมาซื้อที่ดินในเมืองมากขึ้น เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากน้ำท่วม โดยจะเป็นที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 56 ภายใต้งบซื้อที่ดินในปีนี้ 1 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ใช้งบซื้อที่ดิน 600 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นพัฒนาโครงการทาวเฮ้าส์และคอนโดมิเนียมมากขึ้น จากเดิมเป็นโครงการบ้านเดี่ยว
พร้อมกันนั้น จะหันมาพัฒนาโครงการที่เป็นบ้านพร้อมอยู่มากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนสร้างบ้านพร้อมอยู่เพิ่มเป็น 80% รองรับความต้องการของผู้บริโภค จากเดิมที่มีสัดส่วน 70% ในปี 54
นางชุติมา กล่าวว่า จากการปรับแผนการพัฒนาโครงการ จะส่งผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปี 55 ลดลงเหลือ 38% จากปีก่อนอยู่ที่ 40% และอาจทำให้อัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือ 16-17% จากปี 54 อยู่ที่ 17-18%
และในปีนี้บริษัทจะเริ่มกลับมาก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ย่านถนนเพชรเกษม 81 มูลค่าการลงทุน 100 ล้านบาท หลังจากที่เลื่อนการก่อสร้างในปี 54 เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วม โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปี 56
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาบ้าน โดยจะรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน และการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% เพราะน่าจะช่วยชดเชยผลกระทบได้ แต่หากราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นมากก็อาจจำเป็นต้องปรับราคา
ส่วนผลประกอบการในปี 54 ยอมรับว่ารายได้และยอดขายลดลงจากเป้าหมายจากผลกระทบจากน้ำท่วม โดยรายได้จะเหลือเพียง 1.7 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3 พันล้านบาท ส่วนยอดขายอยู่ที่ 2.08 พันล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 2.8 พันล้านบาท ลดลงราว 20-30% โดยเฉพาะในไตรมาส 4/54 ที่ยอดขายตกลงอย่างชัดเจนเหลือเพียง 200 ล้านบาท จากปกติที่เป็นช่วงที่มียอดขายสูงสุด หรือราว 800-900 ล้านบาท
"ผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ปี 54 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เราคงต้องจัดแผนให้กลับมาเป็นที่รู้จักและเติบโตได้ในปีนี้ โดยเฉพาะการมิกซ์สินค้าให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้" นางสาวชุติมา กล่าว
นางสาวชุติมา กล่าวอีกว่า บริษัทยังไม่มีความจำเป็นออกหุ้นกู้ แม้ผู้ถือหุ้นได้มีการอนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้ที่ 3 พันล้านบาท แล้วก็ตาม เนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันมีสภาพคล่องเพียงพอดำเนินธุรกิจ