ทริสฯให้เครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน-องค์กร TTW ที่ AA- แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 7, 2012 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาทของ บมจ. น้ำประปาไทย (TTW) ที่ระดับ “AA-" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AA-" โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable" หรือ “คงที่" ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดไถ่ถอน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาว และความสม่ำเสมอของความต้องการน้ำประปา โดยที่ธุรกิจน้ำประปามีความเสี่ยงในการดำเนินงานในระดับต่ำแต่มีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีภาระหนี้และความเสี่ยงจากการมีการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นลูกค้าหลักเพียงรายเดียว

ขณะที่ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาภาคเอกชนและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การลงทุนในอนาคตควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยจะต้องไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัท ในขณะที่การให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทแม่ที่มีฐานะทางการเงินอ่อนแอกว่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท

ทริสเรทติ้งรายงานว่า TTW เป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยกำลังการผลิตน้ำประปารวม 876,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน บริษัทยังให้บริการบำบัดน้ำเสียซึ่งมีกำลังการบำบัดขนาด 18,000 ลบ.ม./วันด้วย บริษัทก่อตั้งในปี 2543 ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง บมจ.ช.การช่าง(CK) และ บริษัท เธมส์ วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 แล้ว CK ก็มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วน 30% ในขณะที่ บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 26%

TTW มีโรงผลิตน้ำประปา 3 โรงซึ่งให้บริการน้ำประปาในพื้นที่ 3 เขตคือ เขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร เขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน บริษัทให้บริการน้ำประปาแก่ กปภ. ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปาอายุ 25 ปีซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2566 และอายุ 30 ปีซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2577 โดย กปภ. มีพันธะในการรับซื้อน้ำประปาจากบริษัทในปริมาณขั้นต่ำจำนวน 648,000 ลบ.ม./วัน ทั้งนี้ สูตรการคำนวณอัตราค่าน้ำประปาคิดตามดัชนีราคาผู้บริโภค

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิในการผลิต จำหน่าย และให้บริการน้ำประปา รวมทั้งให้บริการบำบัดน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินระยะเวลา 30 ปีด้วย โดยสิทธิดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2582 บริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากการมี กปภ. เป็นลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวซึ่งรายได้จาก กปภ. มีสัดส่วน 94% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2554 อย่างไรก็ตาม สถานะความน่าเชื่อถือของ กปภ. ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้เนื่องจากมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ

บริษัทได้ประโยชน์จากการมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหน่วยงานสาธารณูปโภคอื่น ๆ เนื่องจากการผลิตน้ำประปาใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจผลิตน้ำประปาต้องใช้เงินลงทุนสูงในการสร้างโครงข่ายระบบส่งและจ่ายน้ำ อีกทั้งการที่บริษัทเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการบางส่วนจึงเป็นอุปสรรคต่อผู้ต้องการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว แหล่งน้ำที่มีเพียงพอและคุณภาพน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตน้ำประปา แหล่งน้ำที่สำคัญในการผลิตน้ำประปาของบริษัทมาจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่มีปริมาณน้ำเพียงพอ แม้แหล่งน้ำแต่ละแห่งจะมีคุณภาพน้ำที่แตกต่างกัน แต่บริษัทก็สามารถนำน้ำไปผลิตเป็นน้ำประปาคุณภาพสูงได้เช่นเดียวกัน

ยอดขายน้ำประปาของบริษัทเติบโตเพียง 1.2% ของยอดขายรวมในปี 2554 เมื่อเทียบกับระดับ 10.2% ในปี 2553 อัตราการเติบโตของความต้องการใช้น้ำลดลงเนื่องจากพื้นที่ให้บริการของบริษัทได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่และการหยุดการผลิตของโรงกรองน้ำที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 ในขณะที่ในเดือนธันวาคม 2553 โรงกรองน้ำแห่งใหม่ของ กปภ. ได้เริ่มจ่ายน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาครซึ่งมีพื้นที่บางส่วนทับซ้อนกับพื้นที่บริการของบริษัท

บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเนื่องจากการมีโครงสร้างสัญญาซื้อขายน้ำที่ดีกับ กปภ. อีกทั้งยังมีความต้องการน้ำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 4,395 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 4,546 ล้านบาทในปี 2554 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับราคาน้ำประปาตามดัชนีผู้บริโภคที่สูงขึ้น รายได้จากเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาครมีสัดส่วน 63% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนรายได้ที่เหลือส่วนใหญ่มาจากเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี (33%) ในขณะที่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินมีสัดส่วนเพียง 4% ของรายได้ทั้งหมด

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 79%-81% กระแสเงินสดของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 3,000 ล้านบาทในช่วงปี 2553-2554 ในขณะที่เงินกู้รวมลดลงเล็กน้อยจากระดับ 11,368 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553 เป็น 11,136 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 ตามกำหนดการชำระคืนหนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 26.1% ในปี 2553 เป็น 26.9% ในปี 2554 โดยที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 54.4% ณ สิ้นปี 2553 เป็น 52.2% ณ สิ้นปี 2554

บริษัทมีกลยุทธ์ในการลงทุนระยะปานกลางเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ โดยเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ร่วมกับ CK ลงทุนซื้อหุ้นของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 30% ของหุ้นทั้งหมด มูลค่าประมาณ 2,700 ล้านบาท โดยบริษัท ซีเค พาวเวอร์มีแผนจะซื้อหุ้นจำนวน 45% ของหุ้นทั้งหมดใน บริษัท เซาท์ อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 615 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญาสัมปทานแบบ Build-Own-Operate-Transfer (BOOT) อายุ 25 ปีจากรัฐบาลลาว

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับเงินกู้ยืมของบริษัทจะไม่ต่ำไปกว่าปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หากเงินกู้ยืมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและคงอยู่ในระดับสูงก็จะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ