นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)(MBKET) เห็นด้วยกับแนวทางยกเลิกการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ตามความเห็นของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เนื่องจากขณะนี้โบรกเกอร์ในประเทศไทยมีจำนวนมากอยู่แล้ว ขณะที่การแข่งขันก็ถือว่ามาถูกทาง เพราะจะเห็นว่าโบรกเกอร์ส่วนใหญ่เน้นที่คุณภาพงานวิจัย การให้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งถือว่าทำให้อุตสาหกรรมมีเสถียรภาพ
ขณะที่การเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์อาจนำไปสู่การแข่งขันที่เอาเปรียบผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะโบรกเกอร์ต้นทุนต่ำ(ดิสเค้าท์ โบรกเกอร์)ที่ไม่เน้นการพัฒนางานวิจัย แต่ตัดราคาค่าคอมมิชชันแทน ซึ่งจะสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันอาจนำไปสู่การเอาเปรียบผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมด้วยกันเอง โดยเฉพาะการคัดลอกบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์อื่นไปใช้ประโยชน์ หรือการแย่งชิงบุคลากร
นายมนตรี กล่าวว่า จากการประชุมหารือกับโบรกเกอร์ในมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็เห็นว่าการแข่งขันของโบรกเกอร์ไทยอยู่ในระดับที่เข้มข้นอยู่แล้ว ราคาคอมมิชชั่นของไทยต่ำกว่าภูมิภาค โดยมาเลเซียและสิงคโปร์จะอยู่ที่ประมาณ 0.2-0.3% ขณะที่ของไทยเฉลี่ยประมาณ 0.16-0.18% นอกจากนั้นโครงสร้างราคาคอมมิชชันของไทยเป็นแบบขั้นบันได ซึ่งถือว่ามีความเหมาะสม คือ มีทั้งราคาแบบขายส่ง สำหรับนักลงทุนที่มีมูลค่าซื้อขาย 20 ล้านบาทต่อวันขึ้นไป และราคาแบบขายปลีก สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มีมูลค่าซื้อขายไม่สูงมากนัก ดังนั้น จึงมองว่าการเปิดเสรีอาจไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม หากจะยกเลิกการเปิดเสรีก็คงต้องหารือกันในสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ว่าจะสามารถดำเนินการแนวทางใดได้บ้าง และมีประเด็นใดที่ต้องพิจารณา เช่น เรื่องของใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์(ไลเซนส์)และโครงสร้างคอมมิชชั่น ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าทุกฝ่ายพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ