ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 19 จุดหรือ 0.2% มาอยู่ที่ 12,757 ณ เวลา 6.47 น. ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าอ่อนตัวลง 0.3% มาอยู่ที่ 1,335.7 จุด
ทั้งนี้เป็นเพราะจีนเปิดเผยคาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมอาจจะชอลอตัวลง ขณะที่นักลงทุนยังคงรอคำตอบจากรัฐบาลกรีซ ว่าจะยอมหั่นลดงบประมาณเพื่อแลกกับเงินกู้ช่วยเหลือก้อนใหม่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่
สำหรับหุ้นของอนาดาร์โก ปิโตรเลียม คอร์ป (APC) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอิสระรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรในไตรมาส 4 สูงเกินคาด ส่วนหุ้นของยัม แบรนด์ส อิงค์ (YUM) เจ้าของแบรนด์ฟาสท์ฟู้ดชื่อดังอย่างเคเอฟซีและทาโก เบลล์ปรับตัวขึ้น 1.8% ในช่วงเริ่มต้นการซื้อขายที่นิวยอร์ก หลังจากที่บริษัทรายงานว่ารายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 30%
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนมีแนวโน้มขยายตัวชะลงลงในไตรมาสนี้ จากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและวิกฤติหนี้ยูโรโซนที่ย่ำแย่ลง
ทางด้านกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า ปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศในเดือนธ.ค.ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับแต่เดือนม.ค.2552 ข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป อาจจะอยู่ในภาวะชะลอตัวมากกว่าที่คาด อันเนื่องมาจากผลกระทบของวิกฤติหนี้ภูมิภาคต่อความเชื่อมั่น และอุปสงค์ที่ซบเซาตามเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรง
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างก็จับตาดูการประชุมของบรรดาผู้นำทางการเมืองของกรีซ หลังจากที่เมื่อวานนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า การเจรจาเรื่องมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปการคลังระหว่างนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรี กับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกรีซ จะเลื่อนมาเป็นวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดหารือกันในช่วงวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น