นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า สมาชิกสมาคมธนาคารไทยได้ร่วมหารือกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาโดยนำทางเลือกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อนำมาชำระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)ซึ่งเป็นแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) 3 แนวทาง และข้อเสนอของสมาคมฯ 2 แนวทางมาพิจารณาและให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น
สำหรับแนวทางทั้ง 5 มีทั้งเรื่องการกำหนดอัตราการจัดเก็บ รวมถึงระยะเวลานำส่งเงินเพื่อชำระหนี้กองทุนฯ ที่กำหนดระยะเวลาสูงสุด 25 ปี
"ที่คุยกันวันนี้ให้สมาชิกทุกคนให้ความเห็นตามแนวทางของแบงก์ชาติและของสมาคมมาคุยกันว่าเป็นอย่างไร มีข้อเสนอทั้งในเรื่องอัตราการจัดเก็บเป็นเท่าไร รวมถึงระยะเวลา ถ้าเก็บน้อยก็ส่งยาว เก็บเยอะก็ส่งสั้น สูงสุด 25 ปี" นายอภิศักดิ์ กล่าว
อนึ่ง รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์เช้านี้ระบุว่าสมาคมธนาคารไทยเสนอแนวทางการเก็บค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันไดจากระดับสูงสุดที่ 0.56% พร้อมทั้งเสนอให้เก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐด้วย
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า มีธนาคารพาณิชย์บางแห่งได้ให้ขอคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันที่ยังเกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้ระบบสถาบันการเงินเบี่ยงเบนได้ เนื่องจาก ธปท.ไม่สามารถควบคุมธนาคารของรัฐได้ ขณะที่จำนวนเงินฝากของธนาคารรัฐยังสูงมากและมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง ส่งผลทำให้การส่งผ่านนโยบายการเงินไม่มีประสิทธิภาพ เพราะมีเงินฝากกว่า 30% ที่ธปท.ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น เป็นหน้าที่ ธปท.ต้องติดตามและประเมินว่าการใช้นโยบายการเงินโดยการลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาใช้ได้ผลหรือไม่
ส่วนการที่ธนาคารกรุงไทยนำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยนั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะส่งผลกดดันธนาคารพาณิชย์รายอื่น แต่เป็นแนวทางที่ธนาคารสามารถดำเนินการได้ และไม่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินฝาก