นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.88 แสนล้านบาท หรือเติบโต 35% จากปี 54 ที่มีรายได้เกือบ 1.4 แสนล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 17% จากปี 53 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ แม้เจอวิกฤตอุทกภัยในหลายพื้นที่
"ภาพรวมในปี 55 เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวจากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเรื่องค่าครองชีพ น่าจะช่วยให้เกิดการขยายตัวของการบริโภค"นายสุทธิธรรม กล่าว
นายสุทธิธรรม กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการควบรวมกิจการ ซึ่งประเทศที่กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสนใจยังเป็นแถบอาเซียแนละยุโรป หลังจากบริษัทเข้าไปซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ภายใต้แบรนด์"La Rinas Cente"โดยอาจจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติม
ในปี 55 มองว่าธุรกิจของบริษัทจะเติบโตมากกว่าปีก่อน แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้เตรียมการรองรับและประเมินผลกระทบไว้หมดแล้ว ขณะที่ในแง่บวกก็ยังมีเรื่องการขึ้นเงินเดือนข้าราชการและการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายแสนล้านของภาครัฐ น่าจะส่งผลดีต่อการบริโภคภายในประเทศ
สำหรับเงินลงทุนในปี 55 กลุ่มเซ็นทรัลตั้งงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาทในการลงทุนที่เน้นการแสวงหาพันธมิตร ควบรวมกิจการ ขยายสาขา พัฒนาช่องทางใหม่ๆ และก้าวไปสู่อินเตอร์
ทั้งนี้ ในปีนี้กลุ่มฯ มีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การเปิดสาขาโรบินสัน ประมาณ 5 สาขาต่อปี โดยปีนี้จะเปิดที่สุพรรณบุรี บางแค เมกะบางนา สุราษฎร์ธานี และลำปาง รวมทั้งขยายสาขาของท็อปเดลี่ และ Specialty Store รวมมากกว่า 200 สาขา รวมทั้งขยายศูนย์การค้าภายใต้การบริหารบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN) ประมาณ 3 ศูนย์การค้าต่อปี อีกทั้งมีแผนบริหารจัดการโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน
นอกจากนี้จะมีการขยายแบรนด์สินค้าใหม่ในกลุ่มอาหาร หลังจากที่ได้ร้านอาหารญี่ปุ่นโอโอโตยา และจะขยายสาขาแบรนด์อื่น เช่น KFC มิสเตอร์โดนัท แอนตี้อานส์ และการร่วมทุนเพื่อขยายโรงแรมเซ็นทาราแห่งใหม่ "Giravaru Maldives"
นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า การลงทุนของกลุ่มบริษัทในปีนี้จะมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะลงทุนใน 5 ธุรกิจหลัก โดยจะเน้นใน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล(CENTEL) และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก(CRC) มากกว่า 70-80% ซึ่งจะมาจากเงินทุนของกลุ่มบริษัท 2 หมื่นล้านบาท อีก 1 หมื่นล้านบาทจะมาจากการกู้เงินสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริษัท ซึ่งจะต้องประเมินตัวหุ้นกู้เดิมที่จะครบอายุด้วย
กลุ่มเซ็นทรัลคาดว่าในปี 54 กำไรสุทธิจะใกล้เคียงกับปี 53 แม้ว่าในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศจะทำให้กำไรหายไปเกือบ 2 พันล้านบาท เนื่องจากยอดขายหายไปราว 8 พันล้านบาท รวมถึงสินทรัพย์ของกลุ่มเสียหายไปเกือบ 1 พันล้านบาท