โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"BBL ราคาหุ้นยัง Laggard, สินเชื่อปีนี้โตดีต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 9, 2012 10:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น ธนาคากรุงเทพ(BBL)เนื่องจากราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นแบงก์ตัวอื่น ๆ ทั้งที่ปีนี้การขยายตัวของสินเชื่อจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีโดยคาดว่าจะเติบโตในช่วง 7-11% จากปีที่แล้วที่สินเชื่อเติบโตได้ดีมาก โดยปีนี้สินเชื่อCorporate น่าจะเติบโตดี

นอกจากนี้ BBL ยังได้รับประโยชน์จากภาษีนิติบุคคลที่ลดเหลือ 23% จากเดิม 30% และการตั้งสำรองฯปีนี้คงจะลดลง เนื่องจากปีก่อนตั้งสำรองฯไว้สูงมาก สำหรับตัวเลข NIM อาจอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลง และการแข่งขันที่สูง รวมถึงสินเชื่อ Corporate ขนาดใหญ่คงจะมีการแข่งขันพอควร

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 29,656-32,000 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมเงินฝากฯที่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเก็บในอัตราเท่าไร)เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 27,338 ล้านบาท

          โบรกเกอร์               คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เอเชียพลัส              ซื้อ                  220.84
          บล.ยูโอบี เคย์เฮียน          ซื้อ                  194.00
          บล.ทรีนีตี้                  ซื้อ                  190.00
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)       ซื้อ                  184.00
          บล.คันทรี่กรุ๊ป               ซื้อ                  184.00
          บล.ไทยพาณิชย์              ซื้อ                  183.00
          บล.บัวหลวง                ซื้อ                  181.00
          บล.ทิสโก้                  ซื้อ                  180.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา            ซื้อ                  180.00
          บล.กสิกรไทย             Outperform            175.00               +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

          น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า จัดให้หุ้น BBL เป็นตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม Top Picks ของกลุ่มแบงก์ เนื่องจากปีนี้มองว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีโดยคาดว่าจะเติบโต 8% จากปีที่แล้วที่สินเชื่อเติบโตถึง 12% ซึ่งปีนี้มองว่า Corporate Loan น่าจะเติบโตได้ดี
          นอกจากนี้ ราคาหุ้น BBL ในปัจจุบันถือว่ายังถูกอยู่ ซึ่งมีการเทรด P/BV อยู่ในระดับต่ำ และ BBL ยังได้รับประโยชน์จากภาษีนิติบุคคลที่ลดเหลือ 23% จากเดิม 30% ด้วย อีกทั้ง BBL มีข้อดีในเรื่องการตั้งสำรองฯที่สูงอยู่แล้ว ประมาณ 2 เท่าของตัวเลข NPL ดังนั้น หากตัวเลข NPL ขยับขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วม คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/55 ก็คงจะไม่มีผลอะไรต่อ BBL
          สำหรับตัวเลข NIM ปีนี้มองว่าน่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลงและการแข่งขันสูง รวมถึงสินเชื่อ Corporate ขนาดใหญ่คงจะมีการแข่งขันพอควร ดังนั้น จึงคาดว่าปีนี้ตัวเลข NIM ของ BBL น่าจะอยู่ที่ 2.6-2.7% จากปีที่แล้วที่ 2.8%
          พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 31,000 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมเงินฝากฯที่อยู่ระหว่างการพิจารณา)เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 27,338 ล้านบาท
          ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ ให้เหตุผลที่แนะ"ซื้อ"หุ้น BBL ว่า ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่ายังเทรดถูกกว่าหุ้นของแบงก์อื่น เรียกได้ว่าหุ้นยัง Laggard อยู่ ขณะที่ปีนี้ BBL จะมี Timing ในการเติบโตของสินเชื่อที่ดี เนื่องจากมองว่าในช่วงครึ่งปีแรก(H1/55)ภาคการลงทุนยังเดินต่อไปได้ และ Corporate Loan จะมีการเติบโตได้ดีตาม Invesment cycle ดังนั้นจึงคาดว่า BBL ปี 55 น่าจะมีการเติบโตของสินเชื่อประมาณ 11% จากปีที่แล้วที่สินเชื่อโต 17%
          ทั้งนี้ สินเชื่อของ BBL จะได้จากการเติบโตจาก Corporate Loan เป็นหลัก โดยอยู่ในทิศทางที่ดีตั้งแต่ไตรมาส 4/54 แล้วและทางผู้บริหาร BBL ก็ว่าคงจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/55 เนื่องจากจะต้องมีการนำเข้าเครื่องจักร รวมถึงงบฯซ่อมแซมหลังเหตุการณ์น้ำท่วมด้วย
          นอกจากนี้ BBL ก็ยังได้รับประโยชน์จากภาษีนิติบุคคลที่ลดเหลือ 23% เหมือนแบงก์อื่น ๆ ด้วย ส่วนตัวเลข NIM ของ BBL ในปีนี้ก็คาดว่าจะไม่ปรับตัวลงแรงเท่าของธนาคารกรุงไทย(KTB) รวมถึงการตั้งสำรองฯของ BBL ในปีนี้น่าจะลดลงมาก เนื่องจากได้มีการตั้งสำรองฯไว้มากในปีที่แล้ว
          พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 29,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 27,338 ล้านบาท
          ส่วนนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ราคาหุ้น BBL ยัง Laggard อยู่เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นในกลุ่มแบงก์อย่าง KBANK, SCB ต่างก็ขยับตัวขึ้นไปแล้ว แต่หุ้น ทั้งนี้ คาดว่าสินเชื่อปี 55 จะขยายตัว 7% จากปีที่แล้วที่สินเชื่อมีการเติบโต 17% ซึ่งปีที่แล้วถือว่าทำได้ดีกว่าคาดมาก ส่วนตัวเลข NIM ในปีนี้ก็คงจะอยู่ในทิศทางที่ทรงตัวถึงอ่อนตัวเล็กน้อย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.6-2.7% ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 2.67%
          อย่างไรก็ดี ปี 55 BBL คงจะได้รับแรงหนุนจากการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้กำไรของ BBL เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 10% ส่วนการตั้งสำรองฯในปีนี้คาดว่าจะลดลง เนื่องจากปีที่แล้วได้ตั้งไว้มากแล้ว
          พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 32,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 27,338 ล้านบาท ซึ่งการประมาณการกำไรสุทธิของปีนี้ยังไม่ได้รวมในเรื่องค่าธรรมเนียมเงินฝากฯที่ยังไม่ทราบชัดเจนว่ารัฐฯจะเก็บในอัตราเท่าใด

แท็ก (BBL)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ