นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาผลประกอบการปี 54 ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะปันผลเป็นหุ้นเช่นเดียวกับงวดปี 53 ที่จ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล เพราะบริษัทอยู่ในช่วงของการลงทุน ซึ่งมีความต้องการกระแสเงินสดในมือ
"ตอนนี้เรายังไม่ได้สรุปว่าจะมีการจ่ายปันผลแบบไหน แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงของการลงทุน ก็อยากจะเก็บกระแสเงินสดไว้ลงทุน เตรียมเอาไว้ลงทุนเหมือง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะจ่ายปันผลเป็นหุ้นแต่ก็ยังไม่แน่นอน เราจะนำงบฯไตรมาส 4/54 เข้าที่ประชุมบอร์ดช่วงต้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ เรื่องปันผลก็ต้องถัดไปอีก"นายพนม กล่าว
นายพนม กล่าวว่า ขณะนี้การเจรจาซื้อเหมืองถ่านหินแห่งใหม่ในอินโดนีเซียถือว่าคืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าจะเจรจาสำเร็จ 1 เหมืองภายในไตรมาส 1/55 ทั้งนี้การเข้าไปลงทุนจะเป็นรูปแบบของการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น โดยจะจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาและ AGE จะเข้าถือหุ้นประมาณ 60%
บริษัทเชื่อว่าการเข้าซื้อเหมืองดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทในปี 56 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะมีรายได้พุ่งแตะ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากการเข้าไปซื้อเหมืองถ่านหินแห่งแรกในอินโดนีเซียเข้ามาเต็มปี
"เรื่องซื้อเหมืองถือว่าคืบหน้าไปมาก แต่เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังเป็นการเข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรที่อินโดฯ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา และเราจะถือหุ้นประมาณ 60% ตอนนี้เราดีลอยู่ 2-3 แห่งที่ใกล้จะเป็นความจริง ซึ่งปีนี้คงได้เห็น 1 แห่งก่อนหน้าแน่นอน ส่วนจะได้เพิ่มไหมก็ต้องมารอดู...การเข้าไปลงทุนในเหมืองจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากจะมีซับพลายที่แน่นอนเข้ามา และการที่เราเข้าไปถือหุ้นใหญ่ก็จะทำให้มีช่องทางการขายมากขึ้น รายได้ก็จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่เราได้เหมืองและเริ่มได้ขุด ซึ่งเหมืองที่เราดีลอยู๋บางแห่งก็สามารถเข้าไปดำเนินการได้เลย"นายพนม กล่าว
สำหรับเงินลงทุนในการเข้าไปซื้อกิจการเหมืองที่อินโดนีเซียยังไม่นิ่ง แต่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5-2 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นกระแสเงินสดของบริษัท 1 ส่วน และเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์อีก 3 ส่วน
นายพนม กล่าวว่า แผนดำเนินธุรกิจในปี 55 บริษัทตั้งเป้ารายได้ขั้นต่ำเติบโต 40% หรือแตะ 7.5 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การแข่งขันก็สูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 1/55 จะเริ่มมีออร์เดอร์จากลูกค้าใหม่ในอินเดียเข้ามาแต่คงยังไม่มากนัก
"ปีนี้เราจะมียอดขายจากลูกค้าใหม่ที่อินเดียเข้ามาในช่วงประมาณไตรมาส 1/55 ซึ่งตอนนี้เราก็พยายามที่จะดีลที่อื่นอีกหลายแห่งเช่น ญี่ปุ่น ก็เหมือนกับเป็นการหาข้อมูลไปเรื่อยๆ เดินทางไปติดต่อลูกค้า ทำการบ้านเตรียมพร้อมไว้ก่อน แต่เราก็ยังไม่เน้นเพราะถ้าเราเปิดตลาดฯมากไปแต่ outsource ไม่ทันก็จะมีปัญหา ก็ขอเน้นที่จีนและอินเดียที่เป็นลูกค้าใหม่ไปก่อน"นายพนม กล่าว
และในปีนี้บริษัทมีแผนสร้างท่าเรือและคลังสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างด้วยงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่โรงงานและคลังสินค้าที่จังหวัดสมุทรสาครกลับมาดำเนินการตามปกติแล้วตั้งแต่เดือน ธ.ค.54 ที่ผ่านมา
นายพนม กล่าวต่อว่า บริษัทสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษา และคาดว่าจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจที่มีอยู่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ขณะที่บริษัท เอเชียไบโอแมส จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล ที่นายพนมและบุคคลในครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ภายในปี 56