ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ หลังจากผู้นำพรรคการเมืองของกรีซบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถรับความช่วยเหลือทางการเงินรอบสอง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% แตะที่ 263.64 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดีดขึ้น 40.04 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 6,788.80 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 14.71 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 3,424.71 จุด และดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 19.54 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 5,895.47 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนรัดเข็มขัดชุดใหม่เพื่อแลกกับเงินกู้รอบสองวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโรจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรัฐบาลกรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระเงินกู้คืนเจ้าหนี้เอกชนเป็นจำนวน 1.44 หมื่นล้านยูโร ในวันที่ 20 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากอีซีบีตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับแถลงว่า อีซีบีจะรอดูผลของมาตรการปล่อยเงินกู้ระยะยาวที่ได้ดำเนินการไปเมื่อปลายปีที่แล้วและเตรียมที่จะดำเนินการอีกเป็นครั้งที่สองในปลายเดือนนี้
หุ้นเดมเลอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 39%
หุ้นกลุ่มการเงินของยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเคบีซี กรุ๊ป ซึ่เงป็นธนาคารและบริษัทประกันรายใหญ่ของเบลเยี่ยม พุ่งขึ้น 8.3% หุ้นดีเอ็นบี เอเอสเอ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของนอร์เวย์ พุ่งขึ้น 8.3% ส่วนหุ้น Danske Bank ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเดนมาร์ก ทะยานขึ้น 5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 3.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยว่ามียอดขาดทุนสุทธิ 637 ล้านฟรังก์สวิส (698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างวาณิชธนกิจ