ตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจราคาซื้อขายโกลด์อีทีเอฟทั้ง 4 กองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นไปแบบ real-time เคลื่อนไหวตามราคาทองคำตลาดโลกและราคา NAV เชื่อมั่นในระบบการตรวจสอบและการกำกับดูแลมาตรฐานของทองคำ
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กองทุนโกลด์อีทีเอฟที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมานั้น ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนในประเทศเป็นอย่างดี โดยมีปริมาณการซื้อขายทั้งสิ้น 6,520 ล้านบาท ในปี 2554 เนื่องจากโกลด์อีทีเอฟเป็นนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี ผู้ลงทุนสามารถรู้ราคาได้ทันทีแบบ real-time และซื้อขายในราคาที่ต้องการได้ตลอดเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยไม่ต้องรอราคาปิด ณ สิ้นวัน
ที่สำคัญ โกลด์อีทีเอฟแสดงราคามูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนโดยประมาณ (iNAV) ตลอดช่วงเวลาซื้อขายในตลาดหลักทรัพยฯ ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนทองคำทั่วไป และไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากซื้อขายเป็นเงินบาท
ความเคลื่อนไหวของราคาโกลด์อีทีเอฟในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ผ่านมาพบว่า เป็นไปตามราคาทองคำในตลาดโลก อีกทั้งมีโบรกเกอร์ทองชั้นนำมาเสริมทัพเป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง ทำให้ราคาที่ซื้อขายสอดคล้องกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (ราคา NAV) ผู้ลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกับทองคำจริงๆ โดยไม่ต้องมีภาระและความกังวลในการเก็บรักษาทองคำ โดยกองทุนโกลด์อีทีเอฟ มีสถาบันการเงินเก็บรักษาทองคำไว้ภายใต้เกณฑ์ที่เข้มงวดและเป็นไปตามมาตรฐานสากล และมั่นใจได้กับระบบการชำระราคาของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งมีหน่วยงานที่คอยกำกับดูแลการซื้อขายเป็นอย่างดี
กองทุนโกลด์อีทีเอฟซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (GLD) ของ บลจ. กรุงไทย กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ โกลด์ อีทีเอฟ (GOLD99) ของ บลจ. วรรณ กองทุนเปิดเค โกลด์ อีทีเอฟ (KG965) ของ บลจ. กสิกรไทย และกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ (BCHAY) ของ บลจ. บัวหลวง โดยมีขนาดกองทุนเป็นมูลค่ารวม 2,997 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา