บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในปี 55 นี้ไว้ที่ 6% จากระดับปัจจุบันที่ประมาณกว่า 5% พร้อมกับตั้งเป้าจะขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นอีก 20% จาก 55,000 บัญชีที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเตรียมทุ่มงบด้านการตลาด 15-20 ล้านบาทในปีนี้
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์(ค่าคอมมิชชั่น) ตั้งแต่ม.ค.55 นั้น บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองว่าไม่ได้รับผลกระทบในจุดนี้ และพร้อมที่รับการแข่งขันในการเปิดเสรีดังกล่าว
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ CGS เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ไว้ที่ 6% จากปัจจุบันที่มี 5.53% และในปี 54 มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ 5% ซึ่งในปีนี้ยังให้ความสำคัญในการขยายฐานนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน โดยตั้งเป้าเพิ่มบัญชีลูกค้า 20% จากบัญชี 5.5 หมื่นบัญชี
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะขึ้นติดอันดับ TOP 5 ของโบรกเกอร์ โดยได้มีการเตรียมพร้อมในตัวสินค้าเพิ่มขึ้น ทั้งบริการซื้อขายหลักทรัพย์ ตราสารอนุพันธ์ วาณิชธนกิจ และการให้บริการ SBL และอื่น ๆ
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่เห็นการแข่งขันที่รุนแรง โดยทางสมาคมโบรกฯมีการดูแลที่ดี ทั้งในเรื่องของการพบปะหารือในเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องการแข่งขัน และในเรื่องของค่าคอมมิชชั่น ซึ่งในส่วนของบริษัทฯจากเรื่องดังกล่าวได้มีการวางกลยุทธ์โดยการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทุก 1 เดือน จากเดิมที่จะมีการประเมินทุก 6 เดือน และมีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด และมีบัญชีลูกค้าที่ Active 30% ซึ่งมากกว่าเมื่อเทียบมกราคมปีที่แล้ว(2554) เนื่องจากภาวะตลาดฯอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และจากการทำโปรโมชั่นของบริษัทฯ ซึ่งในปีนี้ก็ได้วางงบการตลาดและโปรโมชั่นไว้ที่ 15-20 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 10 ล้านบาท ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นการตอบรับของโบรกเกอร์ในการเพิ่มศักยภาพที่ดีกว่าจะไปแข่งขันในเรื่องสงครามราคา
"เท่าที่ดูใน 1 เดือนแรกของการเปิดเสรีฯมาไม่ได้รุนแรงอะไร มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา สมาคมฯก็มีการเรียกโบรกฯมาหารือตลอด และหากเจอ case ที่มีปัญหาก็จะให้ผู้บริหารระดับ CEO พูดคุยกันเอง สมาคมฯทำอย่างนี้ทำให้ลดปัญหาการแข่งตัวบุคลากร และทำให้การแข่งขันไม่แรงมากเหมือนในอดีต"นายประสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทฯในปัจจุบันอยู่ในระดับอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่คิด 0.14-0.17% ซึ่งถือว่าไม่น่ากลัว เพราะต้นทุนของตลาดฯในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.15% ก็ไม่ได้แตกต่างอะไร ในส่วนของบริษัทฯก็สนับสนุนให้อุตสาหกรรมมีการเติบโต และเชื่อว่าผลการดำเนินงานในปี 2555 ก็ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง