สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 154,622 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 141,892 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 92% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 11,152 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี และ 5 ปี (LB155A LB15DA และLB176A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,731 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 744 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP13OA) หุ้นกู้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC144A) และหุ้นกู้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB203A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 429 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 38,840 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 12,521 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 22,280 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 Basis Point โดยภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพันธบัตรธปท. อายุ 14 วัน ที่มีการประมูลในวันนี้ และทั้งนี้ตลาดยังคงรออุปทานพันธบัตรในสัปดาห์หน้า สำหรับข่าวการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซนั้น สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศเพื่อแลกกับมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของสหภาพยุโรป (EU) และ IMF โดยให้กรีซปรับลดงบประมาณรายจ่ายลดไปอีก
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.14%