นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำประปาไทย (TTW) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 59) จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.8 พันล้านบาท หรือมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15% ประกอบกับมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มิได้มาจากการจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาคเป็น 35% ของรายได้รวมจากปัจจุบันอยู่ที่ 4% โดยบริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับผู้ร่วมทุนในหลายๆธุรกิจ อาทิ โรงไฟฟ้าจากพลังงานชนิดต่างๆทั้งแสงอาทิตย์, ลม, ขยะ การบริหารจัดการน้ำดีน้ำเสียในชุมชนต่างๆ เป็นต้น
“ตามธรรมชาติเราโต 7-8% ทุกปีอยู่แล้ว แต่บอร์ดยังไม่พอใจ เราจึงมีแผนว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะโตเฉลี่ยปีละ 15% ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องมีการจ่ายปันผลให้กับผู้หุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาบริษัทจ่ายปันผลแต่ละปีไม่น้อยกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งปกติจ่าย 70% ขึ้นไปมาตลอด มากกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 50% และจะต้องไม่มีการเพิ่มทุน"นายสมโพธิ กล่าว
สำหรับงบลงทุนในช่วง 5 ปี ตั้งไว้ที่ 1.9-2 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 5 พันล้านบาท แต่ในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 6-7 พันล้านบาท เนื่องจากจะต้องมีการเพิ่มเงินลงทุนในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (CKP) ที่ลงทุนในโครงการน้ำงึม 2 อีก 2.7 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำใช้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำประปาและลงทุนในธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยส่วนใหญ่จะเป็นวงเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์
“เราตั้งเป้าร่วมทุนในธุรกิจพลังงานให้มากที่สุด ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีกี่ดีล ตอนนี้ก็คุยอยู่หลายโครงการ อย่างโซลาร์ก็สนใจเข้าไปร่วมทุนกับคนที่มีไลเซ่นแล้ว ถ้าจะทำก็คงไม่เกิน 10 เมกกะวัตต์ ปัจจุบันลงทุนกันเมกกะวัตต์ละ 100 ล้านบาท และถ้าเราเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ก็จะดี"นายสมโพธิ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้มูลค่า 3.5 พันล้านบาท อายุ 7 ปี และ 10 ปี เพื่อนำไปทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด โดยคาดว่าจะเสนอขายในช่วงประมาณต้นสัปดาห์หน้า
ขณะที่รายได้ในปี 55 ตั้งเป้าเติบโต 15% จากปีก่อน หรือมีรายได้เกิน 5 พันล้านบาท หลังคาดว่าปริมาณการใช้น้ำในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 8-10 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะมีการปรับราคาขายน้ำประปาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 3% ตามอัตราเงินเฟ้อ ประกอบกับปีนี้จะเริ่มมีการรับรู้กำไรจากโครงการน้ำงึม 2 จำนวน 190 ล้านบาท ที่บริษัทได้ลงทุนผ่านบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (CKP) อย่างไรก็ตามในช่วงกลางปีนี้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุนของ BOI จะหมดอายุลง แต่บริษัทก็จะได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลงจาก 30% เหลือ 23%