นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT)กล่าวว่า บริษัทยืนยันว่ายังไม่ถอนการลงทุนจากเวียดนาม แม้ว่าธุรกิจ LPG จะไม่เติบโตเหมือนในอดีตที่ ปตท.เคยเป็นผู้ส่งออก LPG รายใหญ่ เนื่องจากปัจจุบันความต้องการในประเทศสูง
ทั้งนี้ PTT ยังเห็นว่าบริษัทที่ร่วมทุนกับประเทศเวียดนามยังคงมีโอกาสเติบโตกับการต่อยอดกับผลิตภัณฑ์อื่นๆของ ปตท.เข้าไปในเวียดนาม ทั้งน้ำมันหล่อลื่น ปิโตรเคมี หรือ หากโอกาสเปิดรัฐบาลอาจจะอนุญาตให้ทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ก็สนใจเข้าไปลงทุน
สำหรับแนวคิดที่บริษัท เวียดนาม แอลพีจี จำกัด (เป็นบริษัทที่ PTT ร่วมทุน) จะเข้าตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ก็เชื่อว่าจะกระจายหุ้นในสัดส่วน 20-25% ของทุนจดทะเบียน จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อ ปตท.
"การเข้าไปลงทุนจำเป็นต้องหาพาร์ทเนอร์ดีๆ ถึงจะมีโอกาสลงทุนต่อเนื่อง แม้พาร์ทเนอร์ของเรายังไม่มีข้อสรุปในสัดส่วนถือหุ้น และโอกาสในการถือหุ้นเพิ่มเติมของ ปตท.เพื่อที่จะมีอำนาจควบคุม แต่เราก็ยังไม่ถอนการลงทุนออก เพราะเชื่อว่ายังต่อยอดธุรกิจอื่นได้"นายสรัญ กล่าว
สำหรับราคาน้ำมันในประเทศยังมีโอกาสจะปรับขึ้นอีก เนื่องจากราคาในตลาดโลกมีการปรับขึ้นแต่คงต้องรอดูในช่วงกลางสัปดาห์อีกครั้ง โดยปัจจุบันค่าการตลาดอยู่ในระดับเฉลี่ย 1.10-1.20 บาท/ลิตร และในกลุ่มเบนซินอาจจะมีการปรับขึ้น 2 ครั้ง เพราะวันที่ 16 ก.พ.จะมีการเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันอีก 1 บาท ส่วนการปรับราคา NGV และ LPG ขึ้น 0.50 บาท/กก.ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับต่ำ และเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเบนซิน ยังถือว่าถูกกว่ามาก