ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) ขานรับข่าวรัฐสภากรีซอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อแลกกับความช่วยเหลือครั้งที่สองจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดในเดือนหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 72.81 จุด หรือ 0.57% แตะที่ 12,874.04 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 9.13 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 1,351.77 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 27.51 จุด หรือ 0.955 ปิดที่ 2,931.39 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐสภากรีซมีมติด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 อนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงการลดค่าแรงขั้นต่ำลง 22% และลดตำแหน่งงานในภาคสาธารณะ 150,000 ตำแหน่ง เพื่อแลกกับความช่วยเหลือรอบที่ 2 จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) วงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูความคืบหน้าในเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบที่ 2 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากรัฐบาลกรีซมีกำหนดที่จะต้องใช้เงินในการไถ่ถอนพันธบัตรมูลค่า 1.4 หมื่นล้านยูโร ในวันที่ 20 มี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งทวีความรุนแรงในกรุงเอเธนส์ ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซอาจจะเผชิญกับความไม่สงบทางสังคม และอาจจะทำให้รัฐบาลประสบกับความยากลำบากในการดำเนินมาตรการรัดเข็มขัด โดยนายจอร์จ คามินิส นายกเทศมนตรีเอเธนส์เปิดเผยว่า กลุ่มประท้วงหัวรุนแรงได้ลอบวางเพลิงอาคาร 17 แห่งในกรุงเอเธนส์ ซึ่งรวมถึงสาขาของธนาคาร 5 แห่ง หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงได้ใช้กำลังปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภา
นักลงทุนจับตาดูการประชุมรอบที่ 2 ของรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนในวันพรุ่งนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยที่ประชุมจะตัดสินใจว่ากรีซใช้ความพยายามมากพอหรือไม่ในการที่จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหม่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมได้เลื่อนการตัดสินใจเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบที่ 2 โดยระบุว่า รัฐบาลกรีซยังดำเนินการไม่มากพอที่จะโน้มน้าวให้อียูและไอเอ็มเอฟอนุมัติการให้ความช่วยเหลือรอบใหม่ได้
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของไชน่า อินเวสเมนท์ คอร์ปอเรชัน (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของจีน หลังจาก CIC ระบุว่าทางกองทุนยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลยุโรป แต่ทางกองทุนก็ยังคงแสวงหาโอกาสที่จะลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมในยุโรปต่อไป
หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดถึง 2.2% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดขึ้น 1.8%
หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.9% ปิดที่ 502.60 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปิดเหนือระดับ 500 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับข่าวที่ว่า แอปเปิล อิงค์ ยังคงเดินหน้าฟ้องบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โดยได้ยื่นฟ้องต่อศาลในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้สั่งระงับการขาย กาแล็กซี่ เนซัส ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของซัมซุงที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เนื่องจากมีรูปแบบการทำงานคล้ายกับไอโฟน ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนของแอปเปิล
หุ้นบริดจ์สโตน ร่วงลง 4.99% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ "hold" จากเดิมที่ระดับ "buy"
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค. วันพุธธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค.