ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยตลาดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากรัฐสภากรีซอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อแลกกับความช่วยเหลือครั้งที่สองจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดในเดือนหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.7% ปิดที่ 263.17 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดีดขึ้น 45.51 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 6,738.47 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดีดขึ้น 11.41 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 3,384.55 จุด และดัชนี FTSE 100 บวก 53.31 จุด หรือ 0.91 % ปิดที่ 5,905.70 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐสภากรีซมีมติอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงการลดค่าแรงขั้นต่ำลง 22% และลดตำแหน่งงานในภาคสาธารณะ 150,000 ตำแหน่ง เพื่อแลกกับความช่วยเหลือรอบที่ 2 จากไอเอ็มเอฟและอียู วงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยรัฐบาลกรีซมีกำหนดที่จะต้องใช้เงินในการไถ่ถอนพันธบัตรมูลค่า 1.4 หมื่นล้านยูโร ในวันที่ 20 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า อิตาลีขายตั๋วเงินคลังได้ตามเป้าหมายที่ 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.59 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประมูลเมื่อวานนี้ ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมลดลงจากการประมูลครั้งก่อน สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีขายตั๋วเงินคลังอายุ 1 ปี ได้ 8.5 พันล้านยูโร ที่อัตราดอกเบี้ย 2.230% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และลดลงจากระดับ 2.735% ในการประมูลเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการซื้อพันธบัตรสูงกว่ามูลค่าที่นำออกประมูลอยู่ 1.09 เท่า เทียบกับ 1.47 เท่าในการประมูลเดือนที่แล้ว
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 1.2% หุ้นริโอ ทินโต้ พุ่งขึ้น 2% และหุ้นแองโกล อเมริกา พุ่งขึ้น 2.6%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้นลอยด์ แบงกิง ดีดตัวขึ้น 2.3%
หุ้นอัลคาเทล-ลูเซนท์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่สุดของฝรั่งเศส ดิ่งลง 1.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของโซซิเอเต เจเนอรัล (ซอคเจน) ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอัลคาเทล-ลูเซนท์ ลงมาอยู่ที่ระดับ "sell" จากระดับ "hold"