บลจ.ทิสโก้ ส่ง 2 กองทุนใหม่ลุยตราสารหนี้คุณภาพดี-หุ้นเอเชีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 14, 2012 13:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขาย 2 กองทุนใหม่ ได้แก่ "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 1F" และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M1" มีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,000 ล้านบาทสำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและเพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร

"กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 1F (TISCO Special Bonus Fund 1F)" เป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุน (หุ้น) ไม่เกิน 25% โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากในประเทศและ/หรือต่างประเทศและที่เหลือจะลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ไม่เกิน 25% ผ่านกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia Pacific ex Japan โดยมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5 %โดยจะเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ)ตั้งแต่ 15-22 กุมภาพันธ์ 2555

ส่วน "กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M1 ( TISCO Roll Over Fixed Income Fund 3M1)เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากที่เสนอขายในประเทศและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยในกรณีที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน กองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากจะเปิดซื้อ-ขายทุก ๆ 3 เดือนเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี และไม่เสียภาษีโดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 15 - 21 กุมภาพันธ์ 2555 นี้

ด้าน TISCO Wealth ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่าการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศในช่วงนี้นับเป็นทางเลือกที่ดีในยุคที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในขาลง เนื่องจากจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินธนาคาร

สำหรับการแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารต่างๆ จะเริ่มมีการชะลอตัวลงและอาจได้เห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตั๋วแลกเงินที่มีระยะเวลา 3-6 เดือน อยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งต่ำกว่าปี 2554 เล็กน้อย เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงเช่นเดียวกับแนวโน้มต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการถูกตัดเงินเข้าสมทบในกองทุนฟื้นฟูเพื่อจ่ายดอกเบี้ยของกองทุนทำให้สถาบันการเงินจึงระมัดระวังในการออกผลิตภัณฑ์ในช่วงนี้

ภาพการลงทุนโดยรวมในตลาดหุ้น คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิก(ไม่รวมญี่ปุ่น) มีแนวโน้มดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าจีดีพีของภูมิภาคเอเชียในปี 2555 จะขยายตัว 6-7% ซึ่งมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และยุโรป ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 2% และ -1.8% ตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้น Underperform ตลาดภูมิภาคอื่น โดย trade ที่ valuation ที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต โดย trade ที่ forward P/E ปี 2555 ที่ 10.2 เท่า จึงเป็นแรงจูงใจอีกประการหนึ่งที่จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคนี้ในที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ