สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 105,115 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 92,466 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 9,918 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 5 ปี และ 9 ปี (LB176A LB17OA และLB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,194 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2,402 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB203A) หุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI12NA) และหุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,889 ล้านบาท หรือคิดเป็น 79% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 23,270 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 4,547 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 19,220 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุของตราสาร หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ถึง 7 Basis Point เนื่องจากมีแรงขายในตราสารอายุ 3 — 1 0 ปี โดยภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้การซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรธปท.ที่มีการประมูลในวันนี้ ในช่วงนี้ยังไร้ซึ่งปัจจัยใหม่ๆที่เข้ามากระทบตลาด นอกจากข่าวการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 6 ประเทศในยุโรป
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.17% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.03%