ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดปรับตัวลง โดยมีปัจจัยถ่วงจากข้อมูลค้าปลีกสหรัฐที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และนักลงทุนต่างก็จับตาดูสถานการณ์แการแก้ไขวิกฤติหนี้ของกรีซ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 30.73 จุด หรือ 0.24% มาอยู่ที่ 12,843.31 ขณะที่ดัชนี S&P 500 อ่อนตัวลง 4.35 จุด หรือ 0.32% แตะ 1,347.42 ส่วนดัชนี Nasdaq ลบ 9.91 จุด หรือ 0.34% ที่ 2,921.48
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 0.4% แต่เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากผู้บริโภคซื้อรถยนต์น้อยลงและช้อปปิ้งผ่านอินเทอร์เนตน้อยลงด้วย
ตลาดยังมีปัจจัยถ่วงจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซน 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึง อิตาลี สเปน และโปรตุเกส พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือที่เป็นลบต่อ อังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรีย โดยระบุว่า ประเทศเหล่านี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินและเศรษฐกิจมหภาคในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศในยุโรปมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
นักลงทุนต่างก็จับตาสถานการณ์ในกรีซ ซึ่งนอกจากจะประสบปัญหาหนี้สินท่วมท้นแล้ว การเจรจาเพื่อให้ได้เงินกู้ช่วยเหลือรอบใหม่ต้องแลกมาด้วยการเพิ่มนโยบายรัดเข็มขัดอย่างเด็ดขาด ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวกรีซที่ออกมารวมตัวประท้วงกันจนกลายเป็นเหตุจลาจลที่รุนแรง ขณะที่บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะประชุมกันในวันพรุ่งนี้ ตามเวลายุโรป เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 1.3 แสนล้านยูโร ซึ่งจะช่วยกรีซเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ได้ให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะมีการายงานในสัปดาห์นี้ โดยวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค.