โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH)มองไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ ร.พ.ศิริราชเตรียมเปิดให้บริการในรูปแบบโรงพยาบาลเอกชน เพราะ BH เป็น ร.พ.พรีเมี่ยมชัดเจน ลูกค้าหลักเป็นต่างชาติ 60% อีกทั้งในปีนี้มีแผนมีขยายการให้บริการทั้งเพิ่มเตียงผู้ป่วยในและ ICU รวมทั้งพื้นที่อาคารที่ยังเปิดใช้ไม่เต็มที่ เชื่อว่าจะหนุนรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เอเซียพลัส ซื้อ 50 (มีโอกาสปรับขึ้น) บล.เกียรตินาคิน อ่อนตัวซื้อ 49 บล.ไอร่า ซื้อ 53.75 บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย ซื้อ 59
นายกวี มานิตสุภวงษ์ นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท แต่มีโอกาสปรับขึ้นอีกเพราะ PE ต่ำที่ 19 เท่า เป็นโรงพยาบาลที่โตแบบ Organic growth(โตตามปกติ) ไม่ใช่โตจาก In-organic growth มีสาขาเดียวก็โตได้ และปีนี้มีแผนเปิดพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอกเพิ่มที่อาคาร 22 ชั้น โดยจะเปิดเพิ่มให้บริการอีก 5 ชั้น
"story growth ดี ปีนี้จะเปิดอีก 5 ชั้นที่จะให้บริการ โดย back office มีแผนออกไปข้างนอกซื้อที่ดินไว้แล้วทำให้มีพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และราคาบริการเฉลี่ยสูงอยู่แล้ว ส่วนที่ศิริราชจะเปิดรูปแบบเอกชนไม่ได้รับผลกระทบเพราะคนละพื้นที่กัน ราคาเป้าหมายมีโอกาสปรับขึ้นอีกจากปัจจุบัน 50 บาท มองปีนี้กำไรยังโต และค่ารักษาพยาบาลก็ปรับได้ตลอด"นายกวี กล่าว
น.ส.มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน แนะ"อ่อนตัวซื้อ"ในเชิงพื้นฐานมีศักยภาพในการโต อีกทั้งยังสามารถปรับราคาค่าบริการได้เฉลี่ยปีละ 3-5% ส่วนที่ศิริราชจะเปิดจาก ร.พ.รัฐบาลมาสู่รูปแบบของเอกชนไม่กระทบเพราะ BH เป็นร.พ.พรีเมี่ยมชัดเจน
BH มีอัตราค่าบริการ OPD เฉลี่ย 6,000 บาท มีสัดส่วนรายได้คนไทย 40% ฐานลูกค้าของ BH เป็นคนละตลาดกับศิริราชชัดเจน และปีนี้มีแผนที่จะเปิดพื้นที่ตึกใหม่โดยทยอยเปิดเป็นคลินิก มีเพิ่ม ICU จำนวน 46 เตียง เพิ่มผู้ป่วยใน 60 เตียง ส่วนผู้ป่วยนอกปีนี้มีแผนเปิดเป็นคลินิกเฉพาะทาง 5 คลินิก น่าจะมีผลต่อการปรับขึ้นราคาค่อนข้างเยอะ
ส่วน M&A อาจมีแต่มองว่า BH ให้น้ำหนักการขยายด้วยตัวเองมากกว่าเพราะแบรนด์พรีเมี่ยมมาก ต้องพยายามพิจารณาอย่างดีหากจะไปซื้อกิจการอื่นมาแล้วมารีแบรนด์จะทำให้ภาพพจน์แบรนด์ลดลงไปหรือไม่ จึงมองว่าน่าจะเป็นการขยายด้วยตัวเองมากกว่า น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุว่า ปีนี้ BH มีแผนขยายการให้บริการเพิ่ม โดยย้าย Back office จากตึกเก่าไปพื้นที่ข้างนอก เพื่อเอาพื้นที่เดิมมาเปิดบริการเพิ่มขึ้นและตึกใหม่ 22 ชั้น ยังใช้พื้นที่ไม่หมด ปีนี้ก็จะเพิ่มการให้บริการผู้ป่วยเพิ่ม ทำให้มองว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง คาดกำไรปี 55 เติบโต 7% ไปที่ 1,700 ล้านบาท จากปี 54 คาดกำไร 1,600 ล้านบาท และเดิมจะมีการแปลงสภาพหุ้นกู้ 137 ล้านหุ้น แต่ตอนนี้ยืดอายุหุ้นกู้ไปอีก 5 ปี จึงยังไม่เกิด dilution
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า มองว่า แนวโน้มผลการดำเนินปี 55 ยังเติบโตค่อนข้างสูงกว่า 24% ไตรมาส 4/54 แม้จะมีผลกระทบน้ำท่วมผู้ป่วยต่างชาติชะลอไปบ้างแต่กำไรยังใกล้เคียงปีก่อน และทั้งปี 54 ยังมองกำไรโต 25% ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับประกาศเตือนภัยก่อการร้ายกระทบในวงจำกัดมาก ผู้ใช้บริการยังคงเติบโตได้ดี
ถ้ามองผลกระทบจากการเปิดร.พ.ศิริราช (เอกชน) มีผลกระทบน้อยหรือไม่มีเลยเรื่องดึงลูกค้า เพราะ BH ลูกค้าหลักระดับไฮเอนด์สัดส่วนรายได้จากต่างชาติ 60% ถ้าเป็นลูกค้าในประเทศต้องเป็นพรีเมี่ยมมากๆ ขณะที่อัตราค่าบริการที่สูงอยู่แล้วและจุดแข็งอยู่ที่การบริการและแพทย์
นอกจากนี้ ปีนี้ยังรับรู้ผลการดำเนินของ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล(KH)เต็มปี โดยปีนี้ KH ได้ปัจจัยบวกจากการได้รับปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อกำไร KH โตก็เข้ามาให้ BH เต็มปี จากปีก่อนรับรู้ 3 ไตรมาส โดย BH ถือหุ้นอยู่ 25% และปีนี้ได้ประโยชน์จากลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% จาก 30%
ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่อยู่ที่ 18 เท่า แต่ปัจจุบัน BH เทรดที่ PE 16-17 เท่า ยังต่ำกว่ากลุ่ม ขณะที่การเติบโตยังมีอยู่ต่อเนื่อง