บมจ.ไทยคม (THCOM) แจ้งผลประกอบการประจำปี 2554 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 186.7 จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 16 ล้านบาท สำหรับภาพรวมของการดำเนินงาน บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 130 ล้านบาท เนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรก ซึ่งผลการดำเนินงานในภาพรวมดังกล่าวดีขึ้นร้อยละ 83.9 เมื่อเทียบกับผลประกอบการปีที่ผ่านมาที่มีผลขาดทุน 806 ล้านบาท
จากนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นร้อยละ 23 ในปี 2555 และร้อยละ 20 ในปี 2556 ส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงรายการทางบัญชีประจำปี 2554 ที่เกิดจากการปรับลดภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 360 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 490 ล้านบาท ทั้งนี้ การปรับลดภาษีดังกล่าว เป็น one-time tax adjustment ตามมาตรฐานของระบบบัญชี IFRS ซึ่งบริษัทฯได้นำมาใช้ก่อนล่วงหน้า
"ผลการดำเนินงานในสายธุรกิจดาวเทียม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ยังคงมีการเติบโตในทิศทางที่ดี บริษัทฯ มีการบันทึกผลกำไรจากการดำเนินงานในสายธุรกิจดาวเทียมติดต่อกันถึงสามไตรมาสแล้ว" นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THCOM กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานจากดาวเทียมไทยคม 5 และไอพีสตาร์ยังคงช่วยให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานติดต่อกันสองไตรมาส
สำหรับผลประกอบการปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้จากบริการดาวเทียมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งสิ้น 5,682 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 โดยรายได้จากบริการไอพีสตาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากปริมาณการใช้งานแบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศญี่ปุ่น, อินเดีย, ออสเตรเลีย, มาเลเซีย และเมียนม่าร์
"นั่นแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ยังคงมีความเคลื่อนไหวเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในปี 2555 นอกจากนี้ บริษัทฯ จะยังมีการรับรู้รายได้ทั้งปี จากการลงนามในโครงการสำคัญหลายโครงการในปี 2554 เช่น โครงการ NBN ในประเทศออสเตรเลีย และการลงนามกับ MEASAT ประเทศมาเลเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ในการใช้ดาวเทียมไทยคม 5 ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการให้บริการแก่ลูกค้า และกลยุทธ์ของไอพีสตาร์ในการเน้นไปที่การขายแบนด์วิดท์มากกว่าการขายแบบรายย่อยนั้น เป็นกลยุทธ์ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินมาถูกทางแล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราควรจะได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นางศุภจี กล่าว