บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA)รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/55 (1 ต.ค.-31 ธ.ค.54) บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 560 ล้านบาท คิดเป็นผลขาดทุนต่อหุ้นที่ 0.79 บาท เปรียบเทียบกับผลกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นที่ 0.21 บาทของช่วงเดียวกันในปีก่อน
ทั้งนี้ ผลขาดทุนส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้ เป็นผลจากการบันทึกรายการพิเศษซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดจำนวน 409 ล้านบาท รายการแรกคือ การตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาวงเงินกู้สำหรับแผนการขยายกองเรือเมื่อปี 50 จำนวน 209 ล้านบาท แต่เนื่องจากราคาเรือสั่งต่อใหม่และราคาเรือมือสองในขณะนั้นมีราคาแพงเกินกว่าที่จะคุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อขยายกองเรือ จึงเลือกใช้วงเงินกู้ไปเพียงบางส่วนเท่านั้น
ส่วนรายการที่สองคือ การบันทึกรายการสินทรัพย์ด้อยค่าจำนวน 199 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยกเลิกการสั่งต่อเครื่องยนต์หลัก เนื่องด้วยในปัจจุบันราคาเรือมือสองในตลาดน่าสนใจคุ้มกว่าการลงทุนสั่งต่อเรือใหม่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
สำหรับรายได้รวมในงวดไตรมาส 1/55 อยู่ที่ระดับ 3,393 ล้านบาท เปรียบเทียบกับรายได้ 4,607 ล้านบาทเมื่อไตรมาส 1/54 ลดลงจำนวนมาก เป็นผลมาจากสถานการณ์รายได้ของค่าระวางเรือทั่วโลกตกต่ำลงมากถึง 55% และบริษัทรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วยขนาดกองเรือที่เล็กลงกว่าปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสนี้ค่าเฉลี่ย BDI ปรับลดลงอีกถึง 18%
ถึงแม้ว่าฐานรายได้จะลดลง แต่แกนหลักของธุรกิจเรือสินค้าแห้งเทกองกลับดีขี้น รายได้จากค่าระวางในไตรมาส 1/55 อยู่ที่ 826 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาส 4/54 แต่ด้วยกลยุทธ์การปรับยกเครื่องกองเรือให้มีความทันสมัย มีขนาดบรรจุที่ใหญ่ขึ้น และอายุเฉลี่ยกองเรือลดลง ทำให้มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี(EBIT)เป็นบวกที่ 23 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ติดลบ 70 ล้านบาทเมื่อไตรมาส 4/54
บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์(เมอร์เมด)มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น 3% จากปีก่อน และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มสูงขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลทำให้กำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย (EBIT) ติดลบน้อยลงเหลือแค่ 37 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มของเมอร์เมดในไตรมาส 2/55 เป็นบวก เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้เกิดการจ้างงานจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมอร์เมดยังได้ขยายขอบเขตการให้บริการจากเอเชียไปยังภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอฟริกาตะวันตก และตะวันออกกลางมากขึ้น
“เมอร์เมดน่าจะคงทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำกำไรได้ในปีนี้ นอกจากนี้ เราก็ยังจะได้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องจาก บาคองโค ปิโตรลิฟต์ และบาเรียเซเรสเรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อธุรกิจถ่านหินในระยะยาว โดยคาดว่า ผลผลิตถ่านหินรวมของเหมืองที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียรวมกันแล้วน่าจะสูงถึง 1 ล้านตันภายในปี 58"
กลุ่มธุรกิจขนส่ง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ค่าระวางเรือตกต่ำยาวนาน ในปี 54 ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองจึงได้ปรับลดขนาดกองเรือจาก 27 ลำ มาอยู่ที่ 15 ลำ แต่มีอายุเฉลี่ยที่น้อยลงเพียงแค่ 11.1 ปี ด้วยจำนวนเรือที่ลดลงจึงทำให้รายได้จากค่าระวางในไตรมาสนี้ลดลงตามไปด้วย แต่เรายังคงมีกำหนดรับมอบเรือใหม่ขนาด Supramax จำนวน 2 ลำในเดือน เม.ย.และ ต.ค.55
ในขณะเดียวกัน ปิโตรลิฟต์ยังคงมีผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 1/55 มีส่วนแบ่งผลกำไรเพิ่มให้กับ TTA ถึง 6% ด้วยรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างคงที่ ปิโตรลิฟต์จึงเป็นธุรกิจที่จะมีส่วนช่วยแบ่งเบาความผันผวนที่เกิดขึ้นจากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองได้เป็นอย่างดี
กลุ่มธุรกิจพลังงาน รายได้ของธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งของเมอร์เมดเติบโตขึ้น 3% ในไตรมาสนี้เป็น 1,151 ล้านบาท แต่EBITDA กลับเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ซึ่งเราคาดการณ์ว่า ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลในปี 55 จะมีอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือและกำไรคงที่ เนื่องด้วยความต้องการใช้บริการยังคงวิ่งตามสถานการณ์โลก ในขณะที่แนวโน้มของปี 56 เป็นต้นไปจะเริ่มแข็งแกร่ง เนื่องจากความต้องการสำรวจขุดเจาะน้ำมันจะสูงกว่าการเติบโตของกองเรือ
ธุรกิจเรือขุดเจาะของเมอร์เมดส่งสัญญาณบวกในปี 55 โดยเรือขุดเจาะ MTR-1 เพิ่งได้รับการต่อสัญญาว่าจ้างอีก 150 วันให้เป็นเรือสนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่งแถบน่านน้ำอินโดนีเซีย โดยมีกำหนดเริ่มงานในต้นเดือน เม.ย.นี้ และเมอร์เมดกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญา เรือ MTR-2 ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาในเดือน เม.ย.
ในเดือน พ.ย.54 TTA ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนตรงในเหมืองถ่านหิน SERI ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยในช่วงเดือนธ.ค.และม.ค.ที่ผ่านมา SERI มีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายกำลังการผลิตถ่านหินจากบล็อกปัจจุบันไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งการเคลื่อนย้ายกำลังการผลิตและเปิดบล็อกใหม่ ทำให้กำลังการผลิตต่อเดือนลดลงเหลือ 3,000 ตัน โดยคาดว่าจะกลับมาผลิตได้ในอัตรา 10,000 ตันต่อเดือนภายในกลางปีนี้ อย่างไรก็ดี แผนการก่อสร้างเหมืองแห่งที่สองและที่สามยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนการลงทุนในเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียยังคงอยู่ในระหว่างการสำรวจ ซึ่งคาดว่า น่าจะแล้วเสร็จในอีกสองสามเดือนข้างหน้า
กลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 54 ได้ส่งผลเสียหายต่อชีวิต บ้านเรือน โรงงาน และธุรกิจเป็นจำนวนมาก ด้วยมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ UMS สามารถปกป้องโรงงานที่อยุธยาและเครื่องจักรให้รอดพ้นจากน้ำท่วมได้ แต่โรงงานก็ต้องหยุดชะงักไปร่วมสองเดือน เมื่อรวมกับเหตุการณ์ประท้วงของชุมชนต่อผู้ประกอบการถ่านหินที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงทำให้ UMS ไม่สามารถผลิตและจำหน่ายถ่านหินได้เลยจากโรงงานทั้งสองแห่งเป็นเวลามากกว่า 4 สัปดาห์
ดังนั้น UMS จึงมีรายได้จากการขายถ่านหินในไตรมาสนี้ลดลง 32% โดยมีปริมาณการขายถ่านหินอยู่ที่ 218,346 ตัน ลดลง 34% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี โรงงานที่อยุธยาก็สามารถกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในเดือน ม.ค.55 และคาดว่าเหตุความขัดแย้งในจังหวัดสมุทรสาครจะสามารถคลี่คลายได้ในไม่ช้า
บาคองโคมียอดขายเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนเป็น 805 ล้านบาทในไตรมาส 1/55 กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีในไตรมาส 1/55 ลดลง 27% จากปีก่อน เหลือเพียง 47 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บาคองโคมีกำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 9% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 11% ของปีก่อน ในขณะที่ บาเรียเซเรสยังคงมีผลงานที่ดี มีส่วนแบ่งกำไรให้กับ TTA ทั้งสิ้น 6 ล้านบาทในไตรมาสนี้
“ผลของการดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นไปตามที่เราคาดหมาย คือ ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองและ UMS ยังคงมีผลการดำเนินงานอ่อนตัว ในขณะที่เมอร์เมดเริ่มฟื้นตัว เราคาดว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 จะดีขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง เมอร์เมด และ UMS นอกจากนี้ เราเริ่มจะมองเห็นสัญญาณลางๆ ที่บ่งบอกว่าธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองจะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวกลับมา ซึ่งเป็นลางที่ดีสำหรับกองเรือของเรา"บล.จันทรจุฑา กล่าว