นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (SORKON) เปิดเผยว่า ในปี 55 ตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 15% จากปี 54 ที่มีรายได้รวมที่มี 1,650 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่มียอดขายเติบโต พร้อมตั้งงบลงทุนในปีนี้จำนวน 150 ล้านบาท แบ่งเป็น 80 ล้านบาทใช้ขยายกำลังการผลิตอาหารทะเลแช่แข็ง โดยบริษัทลงทุนเพิ่มสร้างโรงงานใหม่และซื้อเครื่องจักร ส่วนงบลงทุนอีก 70 ล้านบาทใช้ในการขยายสาขาร้านอาหาร และขยายฟาร์มสุกร
ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนของบริษัทจะมาจากการขายเพิ่มทุนที่ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 16.17 ล้านหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดย 1 หุ้นสามัญเดิม: 2 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 10 บาท กำหนดจ่ายเงินค่าหุ้นในวันที่ 29 มี.ค. 4 เม.ย.55 คาดว่าจะได้เงิน 160 ล้านบาท
นายเจริญ กล่าว บริษัทยังมีแผนตั้งโรงงานในต่างประเทศ 3-4 แห่ง โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศคาดว่าในปีนี้น่าจะมีผลสรุปชัดเจน หลังจากบริษัทตั้งโรงานอาหารแช่แข็งที่โปแลนด์แล้ว
นอกจากนั้น แผนการเปิดตัวอาหารแช่แข็งในศรีลังกา ซึ่งเดิมได้มีการเซ็นสัญญา MOU กับพันธมิตรไปแล้ว แต่จากการสำรวจการตลาดแล้วพบว่าคนศรีลังกาไม่นิยมบริโภคอาหารแช่แข็ง ไม่นิยมทานอาหารนอกบ้าน และไม่นิยมอาหารที่คนอื่นทำ และไม่รู้จักอาหารแช่แข็ง ทำให้บริษัทต้องปรับแนวทางขายอาหารจากเดิมที่จะทำอาหารสไตล์ศรีลังกา เปลี่ยนมาเป็นอาหารไทยแช่แข็งพร้อมเสริฟ ในร้านอาหารที่ศรีลังกาแทน
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากสินค้าพื้นเมือง ได้แก่ เหนม หมูยอ มีสัดส่วน 60% รองลงมาเป็นอาหารปรุงสุก เช่น ลูกชิ้นปลา สัดส่วน 22%, สัดส่วน 8% มาจากอาหารขบเคี้ยว และ สัดส่วน 9-10% อาหารพร้อมรับประทาน (ready to eat)
นายเจริญ กล่าวว่า บริษัทยืนยันเน้นการขายในประเทศเป็นหลัก แต่ในปี 58 บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้จากการส่งออกจาก 15% เป็น 20% เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยมองตลาดเวียดนามเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในการขยายตลาดขณะนี้ เพราะเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อดี มีการบริโภคใกล้เคียงกับไทย และมีประชากรมาก อีกทั้งมองว่าหากสามารถหาแหล่งวัตถุดิบปลา เพื่อนำมาผลิตลูกชิ้น จะช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่กฎหมายในเวียดนามยังไม่เปิดกว้างพอ
ในปี 55 บริษัทจะมุ่งพัฒนานวัตกรรมอาหารสำเร็จรูปจากเนื้อสุกร เพื่อขยายไลน์สินค้ารองรับการบริโภคของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมที่บริษัทจะมุ่งธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกร อาหารทะเลแปรรูป และอาหารขบเคี้ยวที่ทำจากเนื้อสุกร
บริษัทจะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์"อองเทร่"โดยรุกตลาดอาหารขบเคี้ยวที่ทำจากเนื้อสัตว์ (Meat Snack) ซึ่งถือเป็นเทรนใหม่ในตลาด โดยคาดว่าในปีนี้ยอดขาย "อองเทร่" อยู่ที่ 250 ล้านบาท จากปี 54 มียอดขาย 150 ล้านบาท
ภาพรวมตลาดขบเคี้ยวในตลาดปี 55 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโต 10% จากปี 54 ที่มีมูลค่า 1.83 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนอาหารขบเคี้ยวที่ทำจากเนื้อสัตว์ มีมูลค่า 2.1 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เนื้อปลาเป็นวัตถุดิบ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์"อองเทร่"ทำจากเนื้อหมูและเนื้อไก่