(เพิ่มเติม) SC คาดปี55รายได้โตกว่า 10%ยอดขาย 1 หมื่นลบ.เปิด 16 โครงการ1.7 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 15, 2012 13:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางบุษบา ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC) เปิดเผยว่าในปี 55 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 20% และมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 54 ที่คาดว่ามีรายได้ 8.1 พันล้านบาท หรือเติบโตกว่า 60% จากปี 53 แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในไตรมาส 4/54

ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้(Backlog) ประมาณ 3.4 พันล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ 60% พร้อมทั้งเตรียมแผนเปิดโครงการใหม่ รวมทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท และบริษัทยังมีโครงการต่อเนื่องอีก 6 โครงการ มูลค่าคงเหลือประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท

ในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยจะขยายทำเลใหม่และกลุ่มลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งยังเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก และได้ตั้งงบลงทุนที่ดินในปีนี้ไว้จำนวน 3 พันล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 56-57

ด้านนายกรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ SC กล่าวว่า กลยุทธ์ในปีนี้บริษัทจะมีการพัฒนาสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น และจะต้องรองรับการเกิดภัยธรรมชาติเช่นปีที่ผ่านมาได้ โดยการพัฒนาโครงการแนวราบจะมีทั้งระดับพรีเมียม ทาวน์เฮ้าส์ และทาวน์โฮมหรู อีกทั้งจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ในรูปแบบบ้านพักตากอากาศที่ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบโครงการ ขณะเดียวกันบริษัทจะเปิดโฮมออฟฟิศแห่งที่ 2 บริเวณรัชดา-รามอินทรา หลังจากแห่งแรกที่เพชรเกษม 81 ในรับการตอบรับที่ดี

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินที่พัทยา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/55 มูลค่าราว 500 ล้านบาท โดยจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ CENTRIC โดยจะเป็นโครงการในต่างจังหวัดต่อเนื่องจากหัวหินและชะอำ เพื่อเพิ่มยอดขายในอนาคตและตอบรับความต้องการบ้านในแหล่งท่องเที่ยวที่มีมากขึ้น

จากการปรับและเพิ่มรูปแบบในการพัฒนาโครงการในปีนี้จะส่งผลต่อยอดรับรู้รายได้และยอดขายที่ตั้งไว้ในปีนี้ โดยปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 900 ล้านบาท ครึ่งเดือนแรกของ ก.พ.มีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการและตัดสินใจซื้อบ้านเพิ่มขึ้นมาก ต่างจากช่วงไตรมาส 4/54 ที่ยอดขายหายไป 1 พันล้านบาทจากผลกระทบน้ำท่วม

นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการด้วยการนำเทคโนโลยีพรีแฟบมาใช้ในการสร้างโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถร่นระยะเวลาการก่อสร้างทาวน์โฮมเหลือเพียง 4 เดือนจาก 7 เดือน หรือจำนวน 20-25 ยูนิต/เดือน ขณะที่บ้านเดี่ยวก็จะใช้เวลาเพียง 4 เดือนครึ่ง หรือ 10 หลัง/เดือน ทำให้โอนได้เร็วขึ้น โดยจะเริ่มใช้กับบ้านระดับราคาหลังละ 5 ล้านบาทที่ปีนี้บริษัทมีแผนจะนำออกมาทำตลาดหลังจากเห็นความต้องการมีค่อนข้างสูง

นายกรี กล่าวว่า บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ๆ ที่ผ่านมาที่ 13-15% แม้ต้นทุนจะปรับเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมคาดว่าจะสูงขึ้นราว 8-10% ส่งผลให้ราคาบ้านปรับเพิ่มขึ้น 3-5% บริษัทก็คงจะมีการปรับราคาตามตลาดเช่นกัน แต่จะเป็นการทยอยปรับในโครงการใหม่

ด้านนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน SC เชื่อว่า ในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา และแม้ในช่วงไตรมาส 4/54 บริษัทจะใช้งบในการซ่อมแซมและป้องกันน้ำท่วม แต่ยังเชื่อว่างวดปี 54 จะสามารถจ่ายปันผลได้ตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ และคงจะจ่ายเป็นเงินสด เนื่องจากบริษัทยังมีสภาพคล่องอยู่จำนวนมาก

บริษัทยังมีความพร้อมด้านการเงินในการลงทุนพัฒนาโครงการและซื้อที่ดินใหม่เพิ่มเติม โดยที่ผ่านมาบริษัทยังมีวงเงินเหลือที่สามารถการออกตั๋วบี/อีได้อีก 200 ล้านบาท จากที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ 1 พันล้านบาท และยังมีวงเงินที่ระดมทุนจากหุ้นกู้อยู่อีก 2 พันล้านบาท รวมถึงเงินทุนจกาสถาบันการเงินอีกส่วนหนึ่งด้วย

บริษัทยังจะเน้นการพัฒนาโครงการในประเทศและหัวเมืองท่องเที่ยวที่มองว่ามีศัยกภาพในการเติบโต กำลังซื้อขณะนี้ดีขึ้น ม.ค.55 ดีกว่าช่วงเดียวปีก่อน ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ โดยทำยอดขายได้ถึง 500 ล้านบาท

แต่ในปีนี้คงยังไม่เห็นการพัฒนาอาคารสำนักงานใหม่จากเดิมที่เคยวางแผนไว้ โดยสัดส่วนรายได้ในปี 54 เป็นรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ 10% หรือคิดเป็น 800 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและความต้องการพื้นที่เช่าไม่เติบโต และที่ผ่านมาอัตราการเช่าลดลงด้วย ยังคงอัตราค่าเช่าของ 3 อาคารที่มีอยู่ในระดับเฉลี่ย 500 บาท/ตร.ม. และยังไม่มีแผนปรับราคา อัตราการเช่าสูงสุด 80%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ