รายงานข่าวจากรัฐสภา เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบ เรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล ของวุฒิสภา ที่มี น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็นประธาน ได้สรุปผลการตรวจสอบสัญญาการให้บริการ 3 จี HSPA ระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม และ กลุ่มบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) มีความผิดใน 3 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรก ผิดมาตรา 46 วรรค 2 พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือ พ.ร.บ.กสทช.ที่ห้ามโอนสิทธิในการครอบครองคลื่นความถี่ไปให้บุคคลอื่น
ประเด็นที่ 2 คือ การหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 เนื่องจาก บริษัท บีเอฟเคที ผู้ให้บริการโครงข่ายไม่ได้รับใบอนุญาตให้บริการจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้งที่ให้บริการฌโครงข่ายอยู่
และประเด็นที่ 3 คือ การหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 เนื่องจากมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท เป็นต้น
ทั้งนี้ กมธ.ได้ส่งผลสอบไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยมีนายเมธี ครองแก้ว เป็นประธาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึง กสทช.เองที่ต้องเข้าให้ข้อมูลในวันที่ 20 ก.พ.นี้
อนึ่ง ปัจจุบัน มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบในสัญญาดังกล่าวหลายแห่ง โดยนอกจาก กมธ.วุฒิสภา ป.ป.ช.แล้ว ยังมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (ส.ต.ง.) ศาลปกครอง กสทช.และ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทสและการสื่อสาร (ไอซีที) ด้วย
ขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดกสทช.เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการ กสทช.มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบสัญญาดังกล่าว โดยเฉพาะในประเด็นที่ กสท มีการผูกขาดหรือเอื้อประโยชน์ให้ TRUE เพียงรายเดียว ซึ่งจะต้องได้ผลสรุปชัดเจนภายใน 60 วัน หรือช่วงกลางเดือน เม.ย.55
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.เมื่อวันที่ 28 ก.ย.54 ที่ผ่านมามีมติให้ส่งหนังสือถึง กสท เพื่อชี้แจงถึงการทำสัญญากับกลุ่ม TRUE หลายประเด็น อาทิ การไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน การกระทำที่จำกัดสิทธิผู้ให้บริการเฉพาะราย และให้ดำเนินการแก้ไขสัญญาบางส่วน โดยกำหนดระยะเวลาภายใน 30 วัน แต่ กสท กลับทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงมาแล้วถึง 2 ครั้ง